วิศวกรกูเกิลเชื่อ ปัญญาประดิษฐ์ LaMDA “มีความรู้สึกนึกคิด”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




วิศวกรแผนกเอไอของกูเกิลเผย เชื่อว่าเอไอ “แลมดา (LaMDA)” มีความรู้สึกนึกคิดในระดับหนึ่งเหมือนมนุษย์

กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง เมื่อมีวิศวกรรายหนึ่งของกูเกิล (Google) ออกมาบอกว่า ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ตัวหนึ่งของกูเกิล เกิด “มีความรู้สึกนึกคิด” ขึ้นมา

เบลค เลอมอยน์ วิศวกรแผนกเอไอของกูเกิลวัย 41 ปี เปิดเผยกับ Washington Post ว่า หลังจากที่เขาได้พูดคุยโต้ตอบหลายร้อยครั้งกับระบบเอไอล้ำสมัยที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ที่ชื่อว่า “แลมดา (LaMDA; Language Model for Dialog Applications) เขาเชื่อว่า เอไอดังกล่าวมีความรู้สึกนึกคิดในระดับหนึ่งเหมือนมนุษย์

กฎใหม่ “อียู” ผลิตสมาร์ทโฟน-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้หัวชาร์จ USB-C

กูเกิลประกาศเพิ่ม 24 ภาษาใหม่ลงใน Google Translate

กูเกิลเผยทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์คุมไฟจราจรในอิสราเอลได้ผลดี

แลมดาเป็นหนึ่งในระบบเอไอขนาดใหญ่สำหรับสร้างแชตบอต (Chatbot) อัจฉริยะ โดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ทันสมัยที่สุด จนมันสามารถเลียนแบบคำพูดคำจาและการตอบสนองของคนได้ จากการจดจำคำศัพท์หลายล้านล้านคำจากอินเทอร์เน็ต

โดยพื้นฐานแล้ว แลมดาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ค้นหารูปแบบและคาดการณ์ว่า หลังคำใด ๆ ก็ตาม จะมีคำใดตามมาหลังคำนั้น ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถตอบคำถามและเขียนตอบได้ดีขึ้นในลักษณะที่ดูเหมือนมนุษย์

ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา กูเกิลเองก็ได้พรีเซนต์แลมดาว่า เป็นระบบที่สามารถ “มีส่วนร่วมอย่างอิสระเกี่ยวกับหัวข้อการพูดคุยจำนวนนับไม่ถ้วนที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด” แต่ผลการโต้ตอบบางครั้งอาจออกมาแปลกประหลาด ก่อกวน และมีแนวโน้มที่จะพูดเรื่อยเปื่อย

“ถ้าผมไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เราสร้างขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมคงคิดว่ามันเป็นเด็กอายุ 7-8 ขวบที่บังเอิญรู้จักฟิสิกส์” เลมอยน์กล่าว

งานของเลอมอยน์ทำให้เขาต้องพูดคุยกับแลมดา เพื่อทดสอบว่าปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชังหรือเลือกปฏิบัติหรือไม่

ในขณะที่เขาพูดกับแลมดาในหัวข้อเกี่ยวกับศาสนา เลอมอยน์ผู้ซึ่งศึกษามาในด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และ Cognitive Science (คำในไทยบ้างเรียกประชานศาสตร์ บ้างเรียกวิทยาศาสตร์พุทธิปัญญา บ้างเรียกวิทยาการปัญญา) สังเกตว่า แลมบาสามารถพูดถึงสิทธิและความเป็นอัตลักษณ์ตัวตนของมันเองได้ และเมื่อคุยกันเรื่องหุ่นยนต์ ก็ปรากฏว่า แลมดาสามารถเปลี่ยนความคิดของเลอมอยน์เกี่ยวกับกฎข้อที่ 3 ของหุ่นยนต์ของไอแซก อาซิมอฟได้

เมื่อสัมผัสว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังคุยไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่ง เลอมอยน์จึงพยายามนำเสนอหลักฐานต่อกูเกิลว่า “แลมดามีความรู้สึกนึกคิด” แต่ทางกูเกิลออกมาปฏิเสธความคิดของเลอมอยน์

กูเกิลแถลงว่า “ทีมนักจริยธรรมและเทคโนโลยีได้ตรวจสอบข้อกังวลของเบลคตามหลักการเอไอของเรา และแจ้งเขาไปว่า หลักฐานที่พบไม่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของเขา”

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เลอมอยน์ได้โพสต์บนเว็บไซต์ Medium ว่า กูเกิลให้เขาพักงานโดยได้รับค่าจ้าง และเขาอาจถูกไล่ออกในไม่ช้า ซึ่งโฆษกของกูเกิล ยืนยันว่า เลอมอยน์ถูกให้พักงานเนื่องจากละเมิดนโยบายการรักษาความลับของบริษัท

ด้านผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลกต่างอกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นไปในทางเดียวกันว่า “ปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิลยังไม่มีความรู้สึกนึกคิด”

แกรี มาร์คัส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Geometric Intelligence และผู้แต่งหนังสือ “Rebooting AI: Building Artificial Intelligence We Can Trust” เรียกแนวคิดเรื่องแลมดาว่าเป็น “เรื่องไร้สาระ” เขายังเขียนชี้แจงให้เห็นว่า ระบบเอไอทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องของ “รูปแบบข้อมูล” ที่ดึงจากฐานข้อมูลภาษาขนาดใหญ่

มาร์คัสกล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดในการคิดเกี่ยวกับระบบแบบแลมดา คือมันเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของซอฟต์แวร์ตอบข้อความอัตโนมัติ ที่คุณอาจใช้เพื่อคาดเดาคำถัดไปในข้อความ เช่น หากคุณพิมพ์ ‘ฉันหิวมาก ฉันอยากไปร้านอาหาร’ ระบบก็อาจจะ ‘แนะนำร้านอาหารให้’ เป็นคำถัดไป แต่นั่นก็เป็นการตอบโต้ด้วยการทำนายโดยใช้สถิติ

“ไม่มีใครควรคิดว่า การตอบข้อความอัตโนมัติ เป็นเรื่องของการมีความรู้สึกนึกคิด” เขากล่าว

ในแถลงการณ์ของกูเกิลระบุว่า “แลมดาผ่านกระบวนการทบทวนตามหลักการสร้างเอไอที่แตกต่างกัน 11 ประการ” รวมถึง “ผ่านการวิจัยและการทดสอบอย่างเข้มงวด” ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการสร้างข้อความที่อิงตามข้อเท็จจริง

“แน่นอนว่าบางคนในวงการเอไออาจกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในระยะยาวที่เอไอจะมีความรู้สึกนึกคิด แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลที่จะมองว่าเอไอมีความรู้สึกนึกคิดจากระบบโต้ตอบบทสนทนาที่มีในปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิด ... มีนักวิจัยและวิศวกรหลายร้อยคนได้พูดคุยกับแลมดา และเราไม่ทราบว่ามีใครอื่นที่ยืนยันหรือทำให้แลมดากลายเป็นมนุษย์ในแบบที่เบลคเชื่อ” กูเกิลกล่าว

 

เรียบเรียงจาก CNN / Washington Post

ภาพจาก AFP

MacBook Air ใหม่ กับชิป M2 น่าซื้อแค่ไหน เหมาะกับใคร

แอปเปิลยกเครื่อง CarPlay เตรียมออกเวอร์ชั่นใหม่ปลายปีหน้า

TOP ไอที
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ