แม้กระแสการพูดถึงจะซาลงไปบ้างแล้วสำหรับ “เมตาเวิร์ส (Metaverse)” หรือโลกเสมือนจริงที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันยังคงเป็นเส้นทางหลักที่โลกของเรากำลังดำเนินไป
เมื่อพูดถึงสิ่งที่ดู “ไฮเทค” ขนาดนี้ หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ยากและไกลตัวเกินไป แต่หากโลกก้าวสู่ยุคเมตาเวิร์สจริง ๆ มันจะเป็นโอกาสใหม่ของการสร้างงานสร้างอาชีพ ในทำนองเดียวกับที่โลกปัจจุบันกำลังพัฒนาหุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์ และทำให้ความต้องการแรงงานสายอาชีพคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้นมาก
มุมมองคนทำ "เทคโนโลยีเสมือนจริง" โอกาสและอนาคตในโลกใหม่ “เมตาเวิร์ส”
ความหวัง "เมตาเวิร์ส" กับอนาคตที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย!
ราชบัณฑิตยสภามีมติ “เมตาเวิร์ส” ให้ใช้คำไทยว่า “จักรวาลนฤมิต”
ด้วยเหตุนี้ จึงมีแนวโน้มคาดการณ์ว่า สายอาชีพหรือองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโลกเมตาเวิร์ส จะเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมากในอนาคตไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ในประเทศไทยเอง ดูจะยังเป็นเรื่องใหม่ที่ขาดคนเชี่ยวชาญ
รศ.ดร.กฤษฎา พนมเชิง อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ปัจจุบัน เทคโนโลยีพร้อมที่จะพาเราเข้าสู่ยุคของเมตาเวิร์สเต็มตัวแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่พร้อมคือ ‘คนสร้างโลกเสมือน’ เราต้องการกำลังคนมหาศาลที่จะมาสร้างโลกเมตาเวิร์สและเปลี่ยนโลกไปในทางที่ดีขึ้น”
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้พัฒนาหลักสูตรระยะสั้น “เทคโนโลยีเมตาเวิร์สและการประยุกต์ใช้” ขึ้นมา โดยเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถสมัครเข้ามาเรียนรู้ได้
อาจารย์กฤษฎาบอกว่า สำหรับคนที่รู้สึกว่าเมตาเวิร์สเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นโลกที่เรา “คุ้นเคย” กันอยู่แล้ว
“ชีวิตของเราอยู่กับเทคโนโลยีแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะที่ทำงาน พูดคุยกับเพื่อนผ่านโซเชียลมีเดีย หรือเล่นเกม เราล้วนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ที่ไม่ใช่โลกที่เรากำลังอาศัยอยู่จริง ๆ ‘เฟซบุ๊ก’ เองก็ถือเป็นเมตาเวิร์สเช่นกัน เราคุยกับเพื่อน ไลฟ์สด และทำอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างในนั้น ก็เสมือนกับว่าเราอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง” เขากล่าว
รศ.ดร.กฤษฎา เสริมว่า นิยามลักษณะของเมตาเวิร์สแบบเข้าใจง่าย ๆ ประกอบด้วย
- สามารถเข้าไปอยู่ได้นาน ๆ
- เข้าไปแล้ว มีความสุข
- มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้
- ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพ 3 มิติ สามารถเป็น 2 มิติ หรือไม่ต้องเป็นภาพเลยก็ได้
อาจารย์บอกว่า ความสำคัญของเมตาเวิร์สนั้น ไม่ใช่อยู่ในอนาคตเท่านั้น แม้แต่ในปัจจุบันหรือช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ เมตาเวิร์สก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตคน โดยเฉพาะในแง่ของการเชื่อมต่อผู้คนในโลกที่ต้องห่างไกลกัน
ช่วงที่ผ่านมา เมตาเวิร์สสามารถพาคนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ รับชมภาพจิตรกรรมของศิลปินระดับโลกได้อย่างใกล้ชิดโดยไม่ต้องนั่งเครื่องบินหรือกังวลเรื่องเวลาปิด-เปิดพิพิธภัณฑ์ ช่วยขยายการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเรียนทำอาหาร เรียนการผ่าตัดด้วยห้องผ่าตัดเสมือนจริง หรือเดินทางเข้าป่า (เสมือน) เพื่อศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศ
“ในด้านการเรียนการสอน เมตาเวิร์สช่วยลบข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะความเสี่ยงการติดโรคระบาด ระยะเวลาการเดินทางและค่าใช้จ่าย อุปกรณ์ การเห็นของจริง ที่เป็นไปได้ยากในโลกความเป็นจริง สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกเสมือน” อาจารย์กฤษฎา กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้เมตาเวิร์สเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันจะเอื้อให้คนเราปฏิสัมพันธ์กันแบบที่ใกล้เคียงกับการได้มาเจอกันจริง ๆ หรือได้ไปสถานที่นั้น ๆ จริง ๆ แต่ก็ยังเป็นแค่ “เสมือน” เท่านั้น
“นักวิจัยยังคงพยายามพัฒนาให้ประสบการณ์ในโลกเมตาเวิร์สมีความใกล้เคียงกับความจริงมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีหลายอย่าง เช่น แว่น Oculus ถุงมือ หรืออุปกรณ์ควบคุม ก็ทำให้เรารู้สึกได้เทียบเท่าของจริงมากขึ้นแล้ว เชื่อว่าในอนาคต ประสบการณ์ในเมตาเวิร์สอาจจะดีกว่าของจริงก็เป็นได้” อาจารย์กฤษฎากล่าว
สำหรับเนื้อหาในหลักสูตร “เทคโนโลยีเมตาเวิร์สและการประยุกต์ใช้” ซึ่งจะใช้เวลา 30 ชั่วโมงนี้ จะเน้นให้ผู้เรียนสามารถสร้างเมตาเวิร์สได้ โดยแบ่งสาระและปฏิบัติการเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- สร้างโมเดล เมื่อมีเนื้อหาที่ต้องการจะนำเสนอในเมตาเวิร์สแล้ว จุดแรกที่ต้องทำคือการสร้างโมเดล ซึ่งในหลักสูตรนี้จะสอนการสร้างโมเดล 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Blender ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรี ที่สามารถสร้างโมเดลและภาพเคลื่อนไหวได้มีคุณภาพค่อนข้างดี
- รวมโมเดลเอาไว้ในโลกเดียวกัน คือการรวบรวมโมเดลเข้ามาอยู่ในแอปพลิเคชัน โดยใช้โปรแกรม Unity โมเดลที่เราได้สร้างเอาไว้ทั้งหมดก็จะกลายเป็นโลกใบหนึ่งได้แล้ว
- เชื่อมต่อโลกกับอุปกรณ์ เมื่อได้โลกใบหนึ่งแล้ว เราต้องทำการเชื่อมโลกของเราเข้ากับอุปกรณ์ โดยอุปกรณ์ที่ใช้เรียนในหลักสูตรนี้จะใช้ แว่น Oculus หรือ แว่น VR (Virtual Reality) ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงโลกที่เราสร้างขึ้นมาเองกับมือได้นั่นเอง
อาจารย์กฤษฎาบอกว่า ตลอดระยะเวลา 30 ชั่วโมงในการเรียนหลักสูตร “เทคโนโลยีเมตาเวิร์สและการประยุกต์ใช้” ผู้เรียนจะได้ความรู้พื้นฐานที่นำไปสร้างเมตาเวิร์สของตัวเองได้จริง
“ไม่ว่าจะมาจากสาขาอาชีพใด มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมมาหรือไม่ หลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสร้างเมตาเวิร์สที่เป็นโลกของตนเองอย่างน้อย 1 ใบ พร้อมทั้งได้รับใบประกาศเมื่อเรียนจบหลักสูตร เพื่อนำไปประยุกต์ใช้จริงตามความสนใจของตนแน่นอน” อาจารย์กฤษฎากล่าว
เขาเสริมว่า “ขณะนี้มีนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรนี้เรียบร้อยแล้ว 1 รุ่น นักเรียนทั้ง 25 คน สามารถสร้างเมตาเวิร์สออกมาได้อย่างดี และส่วนมากบอกว่าสามารถทำได้ไม่ยากเลย”
ผู้สนใจเรียนหลักสูตร “เทคโนโลยีเมตาเวิร์สและการประยุกต์ใช้” สามารถติดตามรายละเอียดการเปิดรับสมัคร พร้อมค้นหารายวิชาอื่น ๆ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ที่พร้อมให้ทุกคนมา Reskill – Upskill ได้ที่เว็บไซต์ของโครงการ Chula Engineering สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)
จุฬาฯ วิจัยนวัตกรรมปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ รักษาเบาหวานในสัตว์เลี้ยงสำเร็จ!