กสทช.เผย คนมีเบอร์เกิน 6 ซิม ยืนยันตัวตนแล้วกว่า 1.28 ล้านซิม

ติดตามความคืบหน้ากันต่อ หลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกมาตรการจัดระเบียบซิมการ์ด ป้องกันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยผู้ที่มีเบอร์เกิน 6 ซิม ต้องไปยืนยันตัวตน และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุดมีประชาชนยืนยันตัวตนแล้วกว่า 39,000 คน ถือครองซิมการ์ดกว่า 1.28 ล้านซิม

“กสทช.” เดินหน้าตัดวงจร “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เต็มที่

กสทช. ออกมาตรการยืนยันตัวตนผู้ถือซิมการ์ด หวังกำจัดซิมม้า

รายการเข้มข่าวเย็น วันที่ 1 ก.พ. 67

พลตำรวจเอก ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ เปิดเผยว่า กสทช.กำลังจัดระเบียบซิมการ์ดซึ่งเป็นอาวุธของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในการโทรศัพท์และส่ง SMS หลอกลวงเหยื่อ

โดยให้ผู้ใช้ซิม 6 เบอร์ ขึ้นไป มายืนยันตัวตนตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ถึงตอนนี้มีคนมายืนยันตัวตนแล้วกว่า 39,000 คน ถือครองซิมการ์ดกว่า 1.2 ล้านซิม น่าสนใจว่าคนที่ใช้ ซิมการ์ดมากกว่า 6 ซิมขึ้นไป มีทั้งหมดประมาณ 10 ล้านเบอร์ กว่า 5 ล้านเบอร์ หรือ 50% เป็นชื่อของชาวต่างชาติ ซึ่งทาง กสทช. กังวลว่าจะทำให้ยากต่อการตรวจสอบหากเอาซิมการ์ดเหล่านี้ไปใช้หลอกลวงประชาชน

พลตำรวจเอก ณัฐธร กล่าวอีกว่า ช่วงที่ผ่านมา กสทช. ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างต่อเนื่อง จากเดิมใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยการรับคำร้องทุกข์แล้วต้องระงับทีละเบอร์ และใช้ระยะเวลานาน แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนวิธีการใหม่ ให้ผู้ที่มีเบอร์มือถือเกิน 6 ซิม ต้องยืนยันตัวตน จึงมั่นใจว่า วิธีการนี้จะทำให้ปัญหาซิมม้าลดลง เพราะแต่ละหมายเลขสามารถระบุตัวตนของผู้ที่ใช้งานได้ โดยเชื่อว่า คนร้าย หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่กล้าไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนแน่นอน ดังนั้น จะทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานได้ยากขึ้น หาซิมม้ายากขึ้น และมีโอกาสถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมายได้ง่ายขึ้น

รายการเข้มข่าวเย็น วันที่ 1 ก.พ. 67

พลตำรวจเอก ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ค่ายมือถือทุกราย รายงานไปยังคณะทำงานและอนุกรรมการอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ ทุกสัปดาห์ว่า พบความเคลื่อนไหวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ซิมม้าโทรออกหลายครั้งจนผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งหากพบว่า ผิดปกติ เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบทันที

สำหรับการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องประสานการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงต้องประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทราบว่ายังมีช่องว่างทางกฎหมายที่ทำให้ตำรวจไทยไม่สามารถไปดำเนินการจับกุมได้ หากฐานที่ตั้งการกระทำผิดอยู่นอกประเทศ

สำหรับข้อแนะนำประชาชน ควรระมัดระวังโดยเฉพาะหากแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวงให้ร่วมลงทุน เพราะเป็นความเสียหายสูงสุด ดังนั้น ไม่ควรหลงเชื่อ รวมทั้งหากมีเบอร์โทรศัพท์มือถือแปลกโทรเข้ามา เบื้องต้นไม่ควรรับสาย และควรติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ