1 พ.ค. 67 เวลา 09.40 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงาน "Microsoft Build AI Day Event" ณ Plenary Hall 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี นายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของบริษัท Microsoft เข้าร่วมในงานนี้ด้วย
นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่มีพลังมากที่สุดในทศวรรษนี้ และยืนยันความพร้อมของประเทศสำหรับอุตสาหกรรม AI และพร้อมสนับสนุนให้อุตสาหกรรม AI เติบโตในไทยอย่างเต็มที่
ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหลัก พร้อมขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ AI
ประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค รวมถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมที่สุด ทั้งโครงข่ายมือถือ โครงสร้างพื้นฐาน 5G และโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ
รัฐบาล มุ่งมั่นเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคใน 8 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยว สุขภาพ การแพทย์ อาหาร การบิน ยานยนต์แห่งอนาคต และการเงิน ผ่านวิสัยทัศน์ "IGNITE THAILAND" ที่ประกาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งอนาคต และเพื่อรักษาระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัย รวมถึงพัฒนาและจัดการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
ขณะนี้ รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ ระยะที่ 2 ช่วงปี 2567-2570 เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังของ AI และการประมวลผลแบบคลาวด์ในประเทศ โดยดำเนินโครงการเสริมระบบนิเวศ AI ของไทย
จับมือ Microsoft พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ได้จัดให้อุตสาหกรรมดิจิทัล เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการลงทุน ซึ่งครอบคลุมมาตรการกระตุ้นการลงทุน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องและครอบคลุมอุตสาหกรรมดิจิทัลทั้งหมด รวมทั้งเดินหน้าสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสีเขียว
ซึ่งไทยตระหนักดีถึงความต้องการโดยตรงของภาคธุรกิจในด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ net-zero
โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการบรรลุพันธกรณีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ทั้งความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงนโยบายที่จะทำให้ครึ่งหนึ่งของการผลิตพลังงานในประเทศเป็นพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2040 (พ.ศ. 2583)
นอกจากนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะจัดหากำลังการผลิตพลังงานสีเขียวใหม่มากกว่า 9 กิกะวัตต์ ผ่านระบบ Utility Green Tariff ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจมั่นใจได้ว่าการลงทุนในไทยจะสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่าย และในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมร่วมกับบริษัท Microsoft สร้างแซนด์บ็อกซ์แห่งความยั่งยืนที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
ย้ำความร่วมมือ Microsoft ช่วยพัฒนาไทยเป็นจุดหมายอุตสาหกรรมดิจิทัล
นายกเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 รัฐบาลไทยและ Microsoft ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์ และ AI มาเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของไทย MoU ฉบับนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นและคำมั่นสัญญาจากทั้งสองฝ่ายในการบรรลุเป้าหมายนี้ในประเทศไทยด้วยกัน
ทั้งนี้ นายกฯ ยินดีที่ทราบว่า Microsoft จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ช่วยเพิ่มการเข้าถึงการศึกษา และโอกาสให้กับชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัลและความยั่งยืน
ในช่วงท้าย นายกฯ กล่าวว่ากิจกรรมในวันนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ Microsoft ประเทศไทย มั่นใจว่าความร่วมมือระหว่างกันนี้จะนำไปสู่อนาคตร่วมกัน พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยรัฐบาลพร้อมรับฟังความคิด เข้าใจความต้องการ และพร้อมหาทางออกที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตในประเทศไทยต่อไป
Microsoft ยืนยัน พร้อมตั้ง Data Center แห่งแรกในไทย
นอกจากนี้ นายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอของบริษัท Microsoft ยังให้คำมั่นว่า Microsoft พร้อมเข้ามาลงทุน Data Center แห่งแรกในไทย และพร้อมมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพ ให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะ AI ในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2025
โดยศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยยังจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวระดับองค์กร นั่นหมายความว่า ประเทศไทยไม่เพียงแต่มีความสามารถเต็มรูปแบบของแพลตฟอร์มคลาวด์ของ Microsoft อย่าง Azure เท่านั้น แต่ยังจะมีโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลกที่ดีที่สุดอีกด้วย
เล็งใช้ AI เสริมแกร่งนโยบายสุขภาพ
เมื่อเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ AI Showcase จากสำนักงานหลักประกันแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งได้พัฒนาแพลตฟอร์ม ใช้นวัตกรรม AI มาขับเคลื่อนภารกิจเพื่อสุขภาพ มีบริการ Azure OpenAI Service, Azure Machine Learning, และเทคโนโลยีอื่น ของ Microsoft มาพัฒนาเป็นช่องทางให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจนโยบายด้านสาธารณสุขได้ง่ายขึ้น
รวมทั้งสามารถให้คำแนะนำด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคน พร้อมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิการรักษาพยาบาล และบริการทางการแพทย์ที่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยกว่า 66 ล้านคนมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลการรักษาพยาบาลได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ได้นำ AI มาใช้เสริมประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายใน ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในข้อมูลเชิงเศรษฐกิจ และปูทางไปสู่การวางนโยบายที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมยิ่งขึ้น
ที่มา : ทำเนียบรัฐบาล / Reuters