วิจัยเผย คนใช้ ChatGPT หนัก ๆ มีแนวโน้มเหงามากขึ้น

งานวิจัยสองชิ้นจาก OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT และห้องปฏิบัติการวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT Media Lab ระบุว่า ผู้ใช้ที่พึ่งพา ChatGPT ด้านความรู้สึกแม้จะมีจำนวนน้อย แต่คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใช้งานหนักที่สุด

งานวิจัยของ OpenAI วิเคราะห์ข้อมูลจากการใช้งานจริงจากการมีปฏิสัมพันธ์เกือบ 40 ล้านครั้งกับ ChatGPT แล้วถามผู้ใช้ 4,076 คน ที่มีปฏิสัมพันธ์เหล่านั้นว่ารู้สึกอย่างไร

AFP/SEBASTIEN BOZON

ส่วนงานวิจัยของ Media Lab ได้ให้กลุ่มตัวอย่างเกือบ 1,000 คน เข้าร่วมการทดลองสี่สัปดาห์ เพื่อดูว่าผู้เข้าร่วมมีปฏิสัมพันธ์กับ ChatGPT อย่างไร เป็นเวลาอย่างน้อยวันละห้านาที จากนั้นให้ตอบแบบสอบถามเพื่อประเมินความรู้สึกเหงา ระดับการเข้าสังคม และการพึ่งพาแชตบอตด้านความรู้สึก

นักวิจัยระบุว่า ผู้ใช้ที่มีการสนทนาส่วนตัวที่แสดงความรู้สึกกับแชตบอตมากที่สุด มีแนวโน้มที่จะรู้สึกเหงามากขึ้น แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจากตัวแชตบอต หรือเพราะคนที่รู้สึกเหงากำลังหาความเชื่อมโยงทางอารมณ์

นักวิจัยพบว่า ผู้เข้าร่วมที่ผูกพันกับ ChatGPT และเป็นกลุ่มคน 10% ที่ใช้เวลากับแชตบอตนี้มากที่สุด มีแนวโน้มที่จะเหงามากกว่าคนอื่น และพึ่งพาแชตบอตนี้มากกว่า

ขณะเดียวกัน หลังจากใช้ ChatGPT เป็นเวลาสี่สัปดาห์ กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงมีแนวโน้มไปสังสรรค์กับผู้คนน้อยลงเล็กน้อย กว่ากลุ่มตัวอย่างผู้ชาย  ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีปฏิสัมพันธ์กับ ChatGPT ด้วยโหมดพูดคุยด้วยเสียงเพศตรงข้าม จะมีระดับความเหงาและรู้สึกผูกมัดทางอารมณ์กับแชตบอตมากขึ้น เมื่อสิ้นสุดการทดลอง 

นักวิจัยพบว่า แชตบอตที่ใช้เสียงในช่วงแรกดูเหมือนจะช่วยบรรเทาความเหงาได้ดีกว่าแชตบอตแบบข้อความ แต่ข้อดีนี้เริ่มลดลงเมื่อผู้ใช้งานโต้ตอบกับแชตบอตบ่อยขึ้น 

งานวิจัยทั้งสองชิ้นมีเป้าหมายที่จะศึกษาว่าแชตบอต AI มีอิทธิพลต่อชีวิตในโลกความเป็นจริงของผู้คนอย่างไร แต่ก็ย้ำว่ายังเป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น