นับถอยหลัง ชุมนุมใหญ่!
เป็นเรื่องเป็นข่าว
“เป็นเรื่อง เป็นข่าว” – รศ.ดร.เจษฎ์ โทณวณิก (อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ) กล่าวว่า ถ้าพูดถึงโดยรวมสิ่งที่ผู้ชุมนุมอาจคิดที่จะทำ และอาจจะทำในอนาคตอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงเป็นการสร้างความไม่สงบไม่มีความจำเป็นเลย แม้ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวมาช้านาน แต่จำเป็นไหมที่วันนี้ต้องเพิ่มความรุนแรงที่รั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำไมไม่มองในแง่บวก ทำไมต้องเอาสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเอามาใช้ในแง่ลบทุกครั้งไป ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ต้องเป็นเรื่อง ทุกคนที่เข้าไปอยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เคยอยู่เขาเห็นด้วยไหมที่เอามหาวิทยาลัยมาทำแบบนี้ บ้านนี้เมืองนี้พี่น้องประชาชนช่วยกันทำนุบำรุงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาขนาดไหนจนถึงทุกวันนี้ ผู้คนบาดเจ็บเสียชีวิตเพื่อปกป้องมหาวิทยาลัยนั้น และปกป้องประชาธิปไตยที่ท่านต้องการจะมีกี่มากน้อยแล้ว ท่านต้องการที่จะพาคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหรือ จะใช้มหาวิทยาลัยเป็นสัญลักษณ์ก็ได้ แต่ทำไมต้องให้มีความรุนแรง ส่วนในกรณีถ้าไปยื่นเอกสารให้กับนายกฯโดยตรง ถ้าภาวะการณ์เหมาะที่จะทำก็ไม่เป็นไร ต้องยอมรับอย่างนี้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลเองด้วย แต่ขณะเดียวกันการรับเรื่องก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ทั้งหมด ที่สำคัญรัฐบาลต้องยอมรับฟังต้องดูเหตุและผลด้วย.
.
ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ (รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เดิมที่เราใช้แผนกรกฎ 52 ในการดำเนินการควบคุมสถานการณ์ แต่ด้วยความที่เราใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2551 ซึ่งเป็นระยะเวลานานแล้ว จึงมีการปรับปรุงมาเป็นแผนการชุมนุม 63 ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อีกครั้งในปัจจุบันเรายังคงอยู่ภายใต้การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่าด้วยการป้องการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 จึงมีความจำเป็นต้องประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติต่างๆ เช่นการตั้งจุดคัดกรอง ประการสำคัญของแผนการชุมนุม 63 จะมีการปรับให้เข้ากับ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ โดยจะมีการกำหนดขั้นตอน ระเบียบ แนวทางการปฏิบัติของผู้เข้าร่วมชุมนุม และแนวทางการปฏิบัติของทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะยังคงยึดแนวทางการดำเนินการจากเบาไปหาหนัก เราไม่ได้มุ่งเน้นในการใช้กำลัง เบื้องต้นได้ทยอยวางกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบไว้ตามพื้นที่ต่างๆ สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมจะมีจำนวนเท่าไหร่ไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็น คือ ว่าแม้จะมีผู้ชุมนุมจำนวนมากแต่ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่กระทบสิทธิ์ของผู้อื่นก็สามารถทำได้ แต่ถ้ามาน้อยแต่ไปละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นหรือละเมิดกฎหมาย ซึ่งจุดนี้เป็นประเด็นสำคัญกว่า ส่วนการเฝ้าระวังบุคคลที่ 3 จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ ถือเป็นนโยบายสำคัญของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่รับนโยบายมาจากรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการดูแลอย่างเต็มที่ หัวใจสำคัญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ทั้งกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุมและพี่น้องประชาชนโดยทั่วไป.