ฝ่าวิกฤตการเมืองไทย
เป็นเรื่องเป็นข่าว
“เป็นเรื่อง เป็นข่าว” – นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (อดีตนายกรัฐมนตรี) กล่าวว่า ท่านประธานสภา ได้มีการติดต่อตนเองมาครั้งหนึ่ง มองว่าคนที่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานสภา น่าจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ แต่ไม่ได้มาเป็นการทาบทามยังไม่ได้มีการพูดถึงรูปแบบว่าจะมีกรรมการในลักษณะไหนหรือไม่อย่างไร ขณะนี้มีคนจำนวนมากเข้าใจว่ามีการทาบทามและตอบรับไปแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นจริงแบบนั้น แต่เชื่อว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอีกหลายท่าน มองว่าเราไม่ได้อยู่จุดที่กำลังจะมาเป็นกรรมการและมาถกเถียงอะไรกัน เราต้องดูว่าถ้าจะให้เราช่วยทำงานต้องออกมาในรูปแบบไหน อย่างไร บอกเลยว่าท่านประธานสภาเอง ท่านก็พยายามออกแบบอยู่ว่าควรเป็นอย่างไร อย่างกรณีรูปแบบแรกที่จะต้องมี 7 ฝ่าย
ฟังดูแล้วอาจจะไม่ง่าย ถ้าไม่ใช่รูปแบบนั้นก็คงมาในแบบคณะบุคคลที่อาจจะไม่เป็นทางการก็ได้ หรืออาจจะไม่ได้ประกอบไปด้วย 7 ฝ่าย แต่เป็นเวทีที่สามารถให้แต่ละฝ่ายมานำเสนอความคิดความอ่านได้ อันที่จริงแล้วถ้าเรามองว่าจะคลี่คลายปัญหาต้องยิงตรงไปที่สาระที่เป็นข้อเรียกร้องของมวลชน
.
ดังนั้นปัญหาหลักๆที่เห็นอยู่ คือ 1.เรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการคุกคามเสรีภาพของประชาชน และมีการจุบกุมคุมขังบังคับใช้กฏหมายที่ผู้ชุมนุมมองว่าไม่เป็นธรรม 2.เรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องลาออก แต่เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเสมอ 3.เรื่องรัฐธรรมนูญซึ่งจะต้องให้มีการเขียนกันใหม่ และ 4.เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องใหญ่สุดเพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และไม่เคยปรากฎเป็นประเด็นมาก่อน พูดได้เลยว่ากลไกที่มีคณะกรรมการอะไรขึ้นมาต้องมีอำนาจในการแก้ปัญหาหรือต้องมีอะไรบางอย่างให้เกิดความน่าเชื่อถือว่าสามารถที่จะมีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจแก้ปัญหาหรือทางออกได้.