กรมศิลปากรสุพรรณฯ แจง สร้างกำแพงเมืองตรงประวัติศาสตร์ ยันงบ 29 ล.เหมาะสม
เป็นเรื่องเป็นข่าว

รายการ “เป็นเรื่องเป็นข่าว” วันนี้ พูดคุยถึงประเด็นที่กรมศิลปากร จ.สุพรรณบุรี บูรณะกำแพงเมืองมูลค่า 29 ล้าน 3 แสนบาท แต่สภาพจริงเหมือนเอาเศษอิฐมากองรวมกันไว้ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจ มองว่ากำแพงเมืองนั้นบดบังทัศนียภาพ และไร้ประโยชน์ ซึ่งทางรายการได้ร่วมพูดคุยกับนายบุณยฤทธิ์ ฉายสุวรรณ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี และนายเอก ประทุมรัตน์ นักวิชาการประวัติศาสตร์สุพรรณบุรี
นักวิชาการประวัติศาสตร์สุพรรณบุรี กล่าวว่า ปัญหาดรามาที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้ต้องการคิดคัดค้านโครงการของกรมศิลปากร มองว่าโครงการสามารถตั้งอยู่ร่วมกับชุมชนได้ แต่ขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณคูเมืองเหนือ-ใต้ กว่าหลายร้อยครัวเรือน กำลังจะประสบปัญหาว่า อนาคตอาจจะไม่สามารถอยู่อาศัยบริเวณนี้ได้ รวมทั้งปัญหาภูมิทัศน์ เดิมทีแนวของกำแพงเมืองเป็นแนวเก่า สามารถปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วได้ แต่ทางกรมศิลปากรกลับนำหินและอิฐใหม่ไปสร้าง ซึ่งอาจจะไม่ตรงตามประวัติศาสตร์ ภูมิทัศน์ก็ไม่ได้สวยงาม อีกทั้งเป็นห่วงว่าบริเวณนั้นติดกับคูน้ำ หากประชาชนหรือเด็กไปเล่นน้ำแล้วเกิดอุบัติเหตุ มีความเสี่ยงสูงว่าจะไม่มีใครเห็น เนื่องจากกำแพงสร้างยาวต่อเนื่องเป็นกิโล
ขณะเดียวกัน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า แนวกำแพงเมืองที่สร้าง มองดูแล้วไม่ได้สร้างจากบริเวณร่องรอยเดิม ซึ่งไม่ตรงตามประวัติศาสตร์ที่มี รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ได้ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของงบประมาณด้วยว่า 29 ล้านนี้ควรจะนำไปเสริมทัพช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิดจะดีกว่าหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องความสวยงามของกำแพงเมืองที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
ด้าน ผอ.สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี อธิบายว่า กรมศิลปากรศึกษาจากงานวิชาการเป็นหลัก ทั้งหมดได้มีการศึกษา ขุดค้นทางโบราณคดี รวมทั้งแบบบูรณะขึ้นมานั้น เป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ยืนยันด้วยวิชาชีพและจรรยาบรรณว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแนวการสร้างกำแพงใด ๆ ทั้งสิ้น การที่เห็นว่าไม่ตรงกับร่องรอยเดิม อาจเป็นเพราะถนนที่ตัดใหม่บางส่วนทับกับแนวกำแพง ทำให้ดูว่าคลาดเคลื่อน ซึ่งยินดีให้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ร่วมกันได้เลย
ส่วนประเด็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่จะพบปัญหาในอนาคตหลังบูรณะเสร็จแล้ว บริเวณอื่นไม่น่ามีปัญหา ยกเว้นในบริเวณคูเมืองใต้ เนื่องจากไม่มีสัญญาเช่า เรียกง่าย ๆ ว่าบุกรุกที่ดินอยู่ ซึ่งทางกรมศิลปากรต้องการจัดการพื้นที่ส่วนนี้ให้ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ เข้าใจในความเดือดร้อนของชาวบ้าน ซึ่งอาจจะมีข้อตกลงกันภายหลังทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อยุติที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ ยังชี้แจงประเด็นงบประมาณกว่า 29 ล้าน ระบุว่า ได้มีการแบ่งใช้งบ 2 ส่วนหลัก ๆ ทั้งงานบูรณะ และงานภูมิทัศน์ ปรับแต่งคูเมืองให้สวยงาม ส่วนความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณนั้น ขอเรียนว่า การบูรณะกำแพงเมือง มีการทำแบบสร้างที่ละเอียดมากกว่า 247 หน้ากระดาษ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการประวัติศาสตร์สุพรรณบุรี ทิ้งท้ายว่า อยากให้กรมศิลปากร จ.สุพรรณบุรีช่วยดูแลประชาชนในพื้นที่คูเมืองเหนือ-ใต้ด้วย ส่วนเรื่องความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ว่า 1,300 เมตรที่สร้างกำแพงเมืองขึ้นมา กับงบประมาณ 29 ล้าน 3 แสนบาทเหมาะสมหรือไม่