"เควิน เดอ บรอยน์" จากแข้งตัวเลือกอันดับ 6 สู่ตำนานแมนฯซิตี้

โดย PPTV Online

เผยแพร่

เควิน เดอ บรอยน์ สุดยอดกองกลางแห่งยุคของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พาทีมกวาดแชมป์นับไม่ถ้วน แต่ใครจะเชื่อว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาเคยเป็นมิดฟิลด์อันดับที่ 6 ในทีมเชลซี ยุคโชเซ่ มูรินโญ่ เส้นทางการฝ่าฟันของเขากว่าจะมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพเป็นอย่างไร เรามาลองไล่เรียงกันดู

เควิน เดอ บรอยน์  เริ่มต้นเส้นทางอาชีพด้วยการเล่นระดับเยาวชนให้กับทีมชื่อดังของเบลเยี่ยมอย่าง เคอาร์ซี เกงค์ และค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นมาจนติดทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2008/2009 ก่อนที่จะยึดตัวจริงในฤดูกาลถัดมา และระเบิดฟอร์มพาทีมคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2010/11 จนเตะตาเชลซีดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2012 ก่อนจะปล่อยยืมให้แวร์เดอร์ เบรเมนไปบ่มเพาะฝีเท้าเตรียมความพร้อมก่อน

ที่เยอรมันนี้เองเขาโชว์ฟอร์มร้อนแรง เมื่อลงเล่นไป 34 นัด ยิง 10 ประตู ทำอีก 10 แอสซิสต์ให้ทีมนกนางนวลพ่วงรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของลีคไปอีกรางวัล หลายคนคิดว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับเชลซี แต่เส้นทางในพรีเมียร์ ลีค ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเมื่อเขาต้องอยู่ภายใต้การคุมทีมของกุนซือที่ขึ้นชื่อว่าเขี่ยนักเตะทิ้งมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่างโจเซ่ มูรินโญ่

ฤดูกาลนั้นที่เขากลับไปขึ้นทีมชุดใหญ่เชลซีแบบเต็มตัว ได้โอกาสลงสนามเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่เป็นตัวสำรองลงมาท้ายเกม แทบไม่มีเวลาที่จะสร้างอิมแพ็คใด ๆ ต่อเกม และแล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงเมื่อมูรินโญ่เรียกให้เข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว ก่อนจะเปิดสถิติกองกลางรายอื่น ๆ ในทีมให้ดู เหมือนบอกเป็นนัย ๆ ว่าเขาจะต้องถูกปล่อยยืมออกไป

"ช่วงปรีซีซั่นทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดี ผมได้ลงเล่น 2 จาก 4 นัดแรกของซีซั่น มันไม่ได้ดีมากหรอก แต่ก็ไม่แย่ หลังจากนั้นผมก็หลุดออกจากทีมโดยไม่มีเหตุผล และโจเซ่ก็มาเรียกผมเข้าไปคุย ก่อนจะให้ดูสถิติจากผู้เล่นคนอื่น ๆ ว่ายิงและแอสซิสต์เท่าไหร่บ้าง  ผมเลยพูดไปว่าผมเล่นแค่ 3 นัดเองนะ พวกนั้นเล่นตั้ง 15-20 นัด หลังจากนั้นเหมือนเขาต้องการให้ผมถูกยืมตัวไป เขาพูดประมาณว่าถ้ามาต้าย้ายออกไป นายจะขยับขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่ 5 แทนที่จะอยู่อันดับ 6 แต่ผมคิดว่าผมไม่เป็นที่ต้องการของสโมสรแล้วเลยขอขึ้นบัญชีย้ายทีม เพราะผมอยากลงเล่น ซึ่งมันก็แฟร์ดี เชลซีได้เงิน 2 เท่าจากตอนที่ซื้อผมเข้ามา"

ซึ่งหลังจบการสนทนานั้น เขาก็ได้ย้ายทีมตามที่ต้องการ โดยเลือกไปเป็นตัวจริงกับโวล์ฟบวร์ก ทีมที่เขาทำผลงานได้ดีและเป็นตัวจริงของทีม ดีกว่าจะต้องเป็นตัวเลือกที่ 6 เหมือนสำนวนที่ว่า เป็นหัวหมาดีกว่าหางเสือ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการถูกตีตราว่า "ล้มเหลว"

นี่คือการตัดสินใจครั้งสำคัญ และเขาตัดสินใจถูก หลังกลับมาที่บุนเดสลีก้าอีกครั้ง "เคดีบี" ก็ไม่เคยเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายอีกเลย ในซีซั่นที่ 2 ฤดูกาล 2014/15 เขาระเบิดฟอร์มพาทีมคว้าบอลด้วยเดเอฟเบ โพคาล และพาทีมจบอันดับ 2 ของลีค ตามมาด้วยรางวัลส่วนตัวมากมายอย่างท็อปแอสซิสต์ที่ 21 ครั้ง มากที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีก้า ณ ตอนนั้น , รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีก , นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน

ตอนนี้จากดาวรุ่งที่ล้มเหลวที่พรีเมียร์ ลีก "เดอ บรอยน์" พร้อมแล้วที่จะกลับไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง แต่เป็นกับทีมใหม่อย่างเรือใบสีฟ้า ที่กล้าทุ่มเงินถึง 55 ล้านปอนด์คว้าตัวมาร่วมทีม และการกลับมาครั้งนี้ เคดีบีได้สถานปณาตัวเองขึ้นเป็นจอมทัพเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษ ด้วยการยิงและแอสซิสต์ พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลแรกที่เขาย้ายเข้ามา ก่อนที่ซีซั่นต่อมาจะได้ผนึกกำลังร่วมกับเป๊ป กวาดิโอล่าเดินหน้าความแชมป์อีกหลายรายการ

แมนยู ไม่มีแผนต่อสัญญา 3 นักเตะ

ณ ปัจจุบัน เคดีบี คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกไปถึง 3 สมัย , เอฟเอคัพ 1 สมัย และลีค คัพอีก 5 สมัย ส่งเรือใบสีฟ้าจากทีมทั่วไปกลายเป็นทีมหัวแถวของยุโรป จะขาดก็แต่ถ้วย "บิ๊กเอียร์" ที่เขาและสโมสรถวิลหา และซีซั่นนี้ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นเข้าชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง แต่ถึงตอนนั้นก็คงไม่มีใครกล้ามาพูดว่าเด็กหนุ่มจากเบลเยี่ยมในวันนั้น คือนักเตะที่ล้มเหลวในพรีเมียร์ ลีก อีกต่อไปแล้ว

"รูนี่ย์" รับสนคุม "แมนฯยูไนเต็ด" ในอนาคต

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

ขณะนี้ มีรายการกำลังถ่ายทอดสด คุณสนใจหรือไม่?

ศึกพีพีทีวี เกียรติเพชร SKS Super Fight

ศึกพีพีทีวี เกียรติเพชร SKS Super Fight

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ