ปรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
วันอังคารที่ 26 เมษายน 2565
(1/พรีเมียร์ลีก) แมนเชสเตอร์ ซิตี้-เรอัล มาดริด (1/ลา ลีกา)
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม เวลาคิกออฟ : 02.00 น.
ผู้ตัดสิน : อิสต์วาน โควัชส์ (โรมาเนีย)
คาดการณ์ 11 ตัวจริงพร้อมสถิติก่อนเกมแมนฯซิตี้ พบ เรอัล มาดริด
5 นัดสุดท้าย ! เปิดโปรแกรมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แมนซิตี้-ลิเวอร์พูล
ผลงานการพบกันล่าสุด
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
7 ส.ค.2563 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เรอัล มาดริด (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
27 ก.พ.2563 เรอัล มาดริด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
23 เม.ย.2565 ชนะ วัตฟอร์ด 5-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
20 เม.ย.2565 ชนะ ไบรท์ตัน 3-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
16 เม.ย.2565 แพ้ ลิเวอร์พูล 2-3 (กลาง) เอฟเอ คัพ
13 เม.ย.2565 เสมอ แอต.มาดริด 0-0 (เยือน) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
10 เม.ย.2565 เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
สภาพทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้
กาเบรียล เชซุส ที่ระเบิดฟอร์มทำคนเดียว 4 ประตูในเกมลีกล่าสุดที่เปิดบ้านถล่ม วัตฟอร์ด 5-1 ต้องดูว่า เป๊ป กวาดิโอล่า จะให้โอกาสยินในเกมรุกต่อไปหรือจะเปลี่ยนมาใช้ ริยาด มาห์เรซ รวมไปถึง ฟิล โฟเด้น โดย แจ็ค กรีลิช น่าจะกลับไปเป็นสำรองอีกครั้ง ขณะที่แดนกลาง แบร์นาโด ซิลวา น่าจะถูกเรียกคืนทีม เกมรับเจอข่าวร้ายเพิ่มเมื่อจะไม่มี ชูเอา กานเซโล่ ที่สะสมใบเหลืองครบตามโควต้า ติดแบน 1 เกมในวันนี้ ซึ่งทาง เป๊ป กำลังลุ้นว่า ไคล์ วอล์คเกอร์ น่าจะหายเจ็บข้อเท้าทันในเกมนี้ เช่นเดียวกับ จอห์น สโตนส์ ที่หวังจะสลัดปัญหาที่กล้ามเนื้อที่ขาได้เช่นกัน
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส ; ไคล์ วอล์คเกอร์ , รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์กต์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ; แบร์นาโด ซิลวา,เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, แฟร์นานดินโญ่; ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง
"สเตอร์ลิ่ง" หวังผงาดแข้งอังกฤษยิง UCL มากสุด
เรอัล มาดริด
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
20 เม.ย.2565 ชนะ โอซาซูน่า 3-1 (เยือน) ลา ลีกา
17 เม.ย.2565 ชนะ เซบีย่า 3-2 (เยือน) ลา ลีกา
12 เม.ย.2565 แพ้ เชลซี 2-3 (เหย้า) (แพ้ต่อเวลาพิเศษ) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
9 เม.ย.2565 ชนะ เกตาเฟ่ 2-0 (เหย้า) ลา ลีกา
6 เม.ย.2565 ชนะ เชลซี 3-1 (เยือน) ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก
สภาพทีมเรอัล มาดริด
คาร์โล อันเชล็อตติ เกมล่าสุดพาทีมบุกไปชนะ โอซาซูน่า 3-1 เกมนี้ได้ เอแดร์ มิลิเตา ปราการหลังตัวกลาง กลับมาจากโทษแบนรายการนี้ ด้าน ดาวิด อลาบา เจ็บต้นขา มาจากเกมล่าสุดน่าจะฟิตไม่ทัน โดยจะเป็น ดานี่ การ์บาฆาล ที่ได้ลงมาทำหน้าที่แทน มาร์เชโล่ เป็นอีกรายที่น่าจะฟิตกลับมายึดคืนแบ๊กซ้าย โทนี่ โครส และ จูเนียร์ วินิซิอุส น่าจะถูกเรียกคืนตัวจริงหลังจากทั้งคู่ถูกส่งลงไปเล่นท้ายครึ่งหลังเกมกับโอซาซูน่า รวมไปถึง ลูก้า โมดริช จะได้กลับมาเชื่อมเกมกลางสนามเช่นกันหลังจากเกมที่ เอล ซาร์ด้า ถูกดร็อปเพราะแท็กติก ส่วน คาริม เบนเซม่า ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงยิ่งต่อเนื่อง จะเป็นทีเด็ดให้กับ ราชันชุดขาว ต่อไป ด้าน คาร์ลอส กาเซมีโร่, เอเด้น อาซาร์, แฟร์กล็องด์ เมนดี้, มาร์เซโล่ วิเอยร่า, ลูก้า โยวิช, มาเรียโน่ ดีอาซ และ เฆซุส บาเยโฆ ทั้งหมดยังไม่ฟิตสมบูรณ์
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์; ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, มาร์เชโล่ ; โทนี่ โครส, เอดูอาร์โด้ กามาแว็งก้า, ลูก้า โมดริช ; เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์
"รูดิเกอร์" ปัดต่อสัญญา จ่อย้ายฟรีซบ"มาดริด"
เกร็ดน่ารู้ก่อนเกม
-เจอกันในรายการนี้มาแล้ว 6 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 2 นัด เรอัล มาดริด ชนะ 2 นัด จบลงด้วยผลเสมอ 2 นัด
-เป็นการโคจรมาเจอกันในรอบรองชนะเลิศอีกครั้งในรายการนี้ หลังจากทั้งคู่เคยเจอกันในรอบนี้มาแล้วเมื่อฤดูกาล 2015-2016 โดยเกมแรกที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จบด้วยผลเสมอ ก่อนที่นัดที่ 2 แฟร์นานโด้ จะมาทำเข้าประตูตัวเองที่ แบร์นาบิว ทำให้ เรอัล มาดริด ผ่านเข้าชิงชนะเลิศในปีนั้น และคว้าแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ ชนะ แอตเลติโก้ มาดริด ทีมเพื่อนร่วมลีก
-ถือเป็นแม็ตช์ทีมจากพรีเมียรลีก-ลา ลีกา 2 นัดต่อเนื่องของทั้งคู่ หลังจากที่รอบก่อน 8 ทีมสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่าน แอต.มาดริด มาได้ ขณะที่ เรอัล มาดริด หยุดเส้นทางของแชมป์เก่าอย่าง เชลซี เอาไว้
-แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปีที่แล้วเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนแพ้ให้กับ เชลซี ซึ่งปีนี้พวกเขาก็หวังจะทะลุสู่รอบชิงเป็นครั้งที่ 2 ใน 2 ปีติดต่อกัน
-เป็นการทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นครั้งที่ 3 ในรายการนี้ จาก 7 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ (แพ้ 1 ชนะ 1)
-เรอัล มาดริด ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 15 ซึ่งเป็นสถิติมากที่สุด โดยมากกว่า บาร์เซโลน่าและบาเยิร์น มิวนิค อยู่ 3 ครั้ง
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่เคยสัมผัสแชมป์รายการนี้ ขณะที่ เรอัล มาดริด แชมป์รายการนี้มาแล้ว 13 สมัย ซึ่งถือเป็นทีมที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุด
-เป๊ป กวาดิโอล่า พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่แพ้ในบ้าน 19 เกมยุโรป (ชนะ 17 เสมอ 2) โดยการแพ้ล่าสุดแพ้ให้ ลียง 1-2 ในเกมรอบแบ่วกลุ่มนัดแรกเมื่อฤดูกาล 2018-2019
- อิสต์วาน โควัชส์ ผู้ตัดสินเกมนี้ เคยเป่าเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเตะในฤดูกาลนี้มาแล้ว 2 นัด ซึ่งที่ลงตัดสินก็ชนะทั้ง 2 นัด คือในเกมรอบแบ่งกลุ่ม ที่บุกไปชนะ คลับ บรู๊กก์ 5-1 และในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านชนะ แอต.มาดริด 1-0
เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน “โมเดอร์นา”ฟรี! เริ่ม25 เม.ย. 65 เวลา13.00 น.