วิเคราะห์บอล!! พรีเมียร์ลีก อังกฤษ บอร์นมัธ พบ ลิเวอร์พูล 11 มี.ค. 66
ปรีวิว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566
(20) บอร์นมัธ พบ ลิเวอร์พูล (5)
สนาม : ไวทัลลีตี้ สเตเดี้ยม เวลาคิกออฟ : 19.30 น. ผู้ตัดสิน : จอห์น บรู๊คส์
ผลงานการพบกันฤดูกาลนี้
27 ส.ค. 2565 ลิเวอร์พูล 9-0 บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก)
ผลงานการพบกันฤดูกาลที่ผ่านมา
7 มี.ค. 2563 ลิเวอร์พูล 2-1 บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก)
7 ธ.ค. 2562 บอร์นมัธ 0-3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
บอร์นมัธ
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
4 มี.ค. 2566 แพ้ อาร์เซน่อล 3-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
25 ก.พ. 2566 แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-4 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
18 ก.พ. 2566 ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
11 ก.พ. 2566 เสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
4 ก.พ. 2566 แพ้ ไบรท์ตัน 1-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
สภาพทีมบอร์นมัธ
“เดอะ เชอร์รี่ส์” บอร์นมัธ เป็นทีมที่ปัจจุบันรั้งบ๊วยของตาราง 25 นัด มี 21 คะแนนเท่ากับเซาธ์แฮมป์ตัน บวกกับการแพ้อาร์เซน่อล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาก่อนหน้านี้ ทำให้โอกาสแพ้ลิเวอร์พูลมีสูง โดยออปต้า (Opta) คำนวณโอกาสชนะของบอร์นมัธไว้เพียง 11.9% โอกาสชนะของลิเวอร์พูลสูงถึง 67.2% และโอกาสเสมอ 20.9%
บอร์นมัธยังคงเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บอยู่หลายราย ซึ่งมีตัวหลักของทีมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเดวิด บรู๊คส์ , จูเนียร์ สตานิสลาส, ลอยด์ เคลลี,มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ และเจฟเฟอร์สัน เลอร์มา ส่วน ฮาเหม็ด ตราโอเร่ มีอาการกล้ามเนื้อตึงเล็กน้อยหลังเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งทีมแพทย์คาดว่าสามารถลงสนามในเกมนี้ได้
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
บอร์นมัธ (5-4-1) : นอร์แบร์โต้ เนโต้ (GK); อดัม สมิธ, คริส เมแฟม, มาร์กอส เซเนซี, แจ็ก สตีเฟ่นส์, จอร์แดน เซมูร่า; ดังโก้ อูอัตตาร่า, ฟิลลิป บิลลิ่ง, แจ็ค ร็อธเวลล์, ฮาเหม็ด ตราโอเร่; โดมินิก โซลันกี
ลิเวอร์พูล
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
5 มี.ค. 2566 ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
1 มี.ค. 2566 ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
25 ก.พ. 2566 เสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
21 ก.พ. 2566 แพ้ เรอัล มาดริด 2-5 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
18 ก.พ. 2566 ชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
สภาพทีมลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เพิ่งถล่มอริอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย่อยยับไปถึง 7-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้นักเตะมีความมั่นใจกลับมาอีกครั้งหลังฟอร์มค่อนข้างแกว่งตั้งแต่เริ่มปี 2023 ส่วนเกมแรกที่พบ กับ บอร์นมัธ 9-0 นั้น ก็มาจากผลงานของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ยิง 2 จ่าย 3 ความพร้อมล่าสุด ติอาโก้ อัลคันทาร่า และหลุยส์ ดิอาซ ที่รายหลังทำ 2 ประตูในนัดแรกที่พบกัน ทั้งคู่ใกล้กลับมาลงสนามได้แล้ว แต่คาดว่าไม่ทันเกมนี้ และคงพร้อมในช่วงปลายเดือนมีนาคม คาลวิน แรมซีย์ ดาวรุ่งของทีมเจ็บหนักจนปิดเทอมไปเรียบร้อย ส่วนโจ โกเมซและนาบี เกอิต้า ยังมาอาการเจ็บกล้ามเนื้อ ต้องเช็คฟิต และอาร์ตูร์ เมโล่ อาจต้องซ้อมเรียกฟิตต่อไป ทำให้ คล็อปป์ นายใหญ่หงส์แดงอาจส่งนักเตะชุดถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามอีกครั้ง ซึ่งหมายความว่าฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ อีกหนึ่งดาวรุ่งของทีม อาจได้โอกาสลงเล่นในเกมนี้ ส่วนเกมรุกใช้ 3 ประสานอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี้ กัคโป และ ดาร์วิน นูนเญซ
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบคเกอร์ (GK); เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน; ฮาร์วี่ เอลเลียตต์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ
เกร็ดน่าสนใจก่อนเกม
- พบกันมาแล้ว 11 นัด บอร์นมัธชนะ 1 นัด ลิเวอร์พูลชนะ 9 นัด เสมอ 1 นัด ซึ่งลิเวอร์พูลชนะติดต่อกันถึง 7 นัด สกอร์รวมทั้งหมด 28-1
- ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลไม่ชนะทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาแล้ว 2 ทีม (เสมอฟูแล่ม 2-2 และแพ้น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0) ซึ่งมีเพียง 2 ฤดูกาลเท่านั้นที่ทัพหงส์แดงไม่ชนะทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นคือ ฤดูกาล 2010/11 (แพ้ 3) และฤดูกาล 2003/04 (เสมอ 2 แพ้ 1)
- ฟิลลิป บิลลิ่ง เป็นดาวซัลโวสูงสุดของบอร์นมัธในฤดูกาลนี้ที่ 5 ประตู และเป็นนักเตะที่ยิงประตูเร็วที่สุดตลอดกาลอันดับสองของศึกพรีเมียร์ลีกที่ 9.11 วินาที เป็นรองเพียงเชน ลอง ของเซาธ์แฮมป์ตันที่ใช้เวลาทำประตูเพียง 7.69 วินาที ในฤดูกาล 2018/19
- ลิเวอร์พูล กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งหลังชนะไป 4 จาก 5 เกมลีกหลังสุด โดยหลังจากยิงแมนยูไป 7-0 ทำให้ 7 ประตูดังกล่าวเทียบเท่าผลสกอร์ในเกมลีก 8 นัดหลังสุดที่ทัพหงส์แดงยิงได้