เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2566 การกีฬาแห่งประเทศไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันมวยไทยในท้องถิ่นจากรากหญ้าสู่สากล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย, ผู้แทนดร. สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พร้อมด้วยภาคเอกชน ร่วมแถลงข่าว
สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์ เผยแพร่ และพัฒนากีฬามวยไทยให้เป็นกีฬาประจำชาติ เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ ทัศนคติที่ดีให้ประชาชนคนไทยทุกคน พร้อมทั้งส่งเสริม และกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศ ยกระดับมวยไทยสู่ Soft Power ให้เติบโตอีกครั้งเป็นปีที่ 2
รูปแบบการแข่งขันจะแบ่งออกเป็นรอบคัดเลือกระดับภาค ซึ่งดำเนินการร่วมกับผู้จัดรายการแข่งขันมวยไทยในช่วงเดือน มีนาคม – มิถุนายน 2566 พร้อมทั้งคัดเลือกนักกีฬาจำนวน 2 คนต่อรุ่น เข้าสู่การแข่งขันแบบแพ้คัดออก ในรอบชิงชนะเลิศระดับภาคช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
ประกอบด้วย รอบชิงแชมป์ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Region 2x3) วันที่ 16 กรกฎาคม จ.เชียงราย, รอบชิงแชมป์ภาคกลางและภาคใต้ (Region 1x4) วันที่ 23 กรกฎาคม จ.ประจวบคีรีขันธ์, รอบรองชนะเลิศประเทศไทย และรอบชิงชนะเลิศประเทศไทย ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2566 เพื่อคว้าเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท พร้อมรถมอเตอร์ไซค์ รอยัล เอ็นฟิลด์ โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับชมการถ่ายทอดสด แข่งขันได้ทาง แฟนเพจ “มวยไทยรากหญ้า” และ "มวยไทยรากหญ้า สู่วิถีถิ่นไทย"
ขณะที่ภายในงานมีการจับฉลาก (เป็นตัวอย่าง) ประกบคู่รอบชิงชนะเลิศระดับภาค รุ่น 115 ป. โดย เสือคิม ศ.ทรัพย์ไพรวัลย์ จากพิษณุโลก เจอ เพชรสายรุ้ง ช.ชนะเพชร จากบุรีรัมย์ และ มนต์ไฟ ว.วัฒนะ จากนครราชสีมา เจอ นำสุข บุญลานนามวยไทย จากเชียงใหม่
สำหรับผลผลิตของมวยไทยรากหญ้า ซีซั่นแรก มีการส่งเสริมแชมป์ไปชกรายการ วัน แชมเปี้ยนชิพ เรียบร้อยแล้วคือ เก้าแต้ม เพชรพลบดี(แฟร์เท็กซ์) และเชื่อว่าจะมีอีกหลายคนได้โชว์ฝีมือบนสังเวียนแห่งนี้ ซึ่งเป็นการยกระดับมวยไทยท้องถิ่นสู่สากล และเป็น Soft Power ตามวัตถุประสงค์ต่อไป