ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฟุตบอลลีกไทย จบไปแล้ว แต่ยังมี 2 ถ้วยให้ได้ลุ้นกัน ลีกคัพ กับ เอฟเอ คัพ โดยวันที่ 20 ต.ค. นี้ รอบชิงลีกคัพ บีจี เอฟซี ที่ตกชั้นในปีนี้ จะพบกับ เชียงราย ยูไนเต็ด จากนั้น ถัดมาอีก 7 วัน เชียงราย ยูไนเต็ด จะลงป้องกันแชมป์ เอฟเอฟ คัพ พบคู่ แชมป์ลีก อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
โดยปีนี้ ถือเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ที่ เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้ทั้ง 2 ถ้วย ผลงานปีก่อน ได้แชมป์เอฟเอ คัพ เอาชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด สุดมันส์ 4-2 ประตู ส่วนลีกคัพ ได้เพียงรองแชมป์ หลังพ่าย เมืองทอง ยูไนเต็ด 0-2 ประตู จนสื่อหลายสำนัก ต่างยกให้ เชียงราย เป็นสิงห์บอลถ้วย ถูกโฉลกกับฟุตบอลทัวร์มาเน้นต์มากกว่าลีก ซึ่งหากเชียงราย สามารถ คว้าแชมป์ได้ทั้ง 2 รายการในปีนี้ จะเป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ไทย ต่อจากบุรีรัมย์ ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วย
ทั้งนี้หากย้อนไปดู ทำเนียบแชมป์ ทั้งสองรายการ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่คว้าแชมป์บอลถ้วย 2 รายการ ได้มากที่สุด และยังคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้ง เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ ในปีเดียวกันได้ถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2554, 2555, 2556 และ2558
ด้าน มิติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรเชียงราย ประกาศชัด ขอคว้าทั้ง 2 แชมป์ให้ได้ โดยเฉพาะเอฟเอ คัพ เพื่อโควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งขุมกำลัง เชียงราย ตอนนี้ ค่อนข้างสมบูรณ์ นายทวารมือ 1 ฉัตรชัย บุตรพรหม กำลังมั่นใจ หลังเพิ่งรับใช้ทีมชาติ, แข้งวัยรุ่น ทั้ง ศิวกรณ์ เตียตระกูล, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, สุริยา สิงห์มุ้ย, ชัยวัฒน์ บุราณ พร้อมวิ่งสู้ฟัดได้ถึง 120 นาที ส่วนแดนหน้าฝากความหวังที่ โรซิมาร์ ชิลล์ ดาวซัลโวประจำทีม
อย่างไรก็ตาม แต่คู่แข่งทั้ง บีจี เอฟซี และ บุรีรัมย์ ไม่ยอม อ่อนข้อง่าย ๆ แน่นอน บีจี ต้องการแชมป์ลีกคัพ เพื่อปลอบใจ ที่ต้องร่วงตกชั้น ส่วนบุรีรัมย์ ต้องการตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 ของฟุตบอลไทย เชียงราย จะสร้างประวัติศาสตร์ คว้า 2 แชมป์บอลถ้วย ตามรอยปราสาทสายฟ้า ได้หรือไม่ บีจี และ บุรีรัมย์ จะเป็นผู้ให้คำตอบ