ใครกำลังมองหาที่เที่ยวแบบนั่งรถไฟชิลๆ ช่วงวันหยุด แนะนำ 6 ที่เที่ยวเส้นทางสายประวัติศาสตร์ และจุดสักการะจอมเจดีย์แห่งล้านนา เสริมสิริมงคลให้กับชีวิต
การรถไฟแห่งประเทศไทย นำเสนอการท่องเที่ยวในบรรยากาศย้อนเสน่ห์วันวานภาคเหนือ ตามรอยเส้นทางประวัติศาสตร์การรถไฟในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความคลาสสิคทางอารมณ์ และรำลึกถึงภาพวันวานในอดีต โดยจะชวนทุกคนไปท่องเที่ยวเส้นทางการค้าประวัติศาสตร์ทางรถไฟ และย่านเมืองเก่าใน 3 จังหวัด คือ ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ ใช้เวลา 3 วัน 2 คืนเท่านั้น สายท่องเที่ยวด้วยรถไฟ ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวช่วงวันหยุด ทริปนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย!
เช็กเวลา! พลุเอเปค สีสันเจ้าพระยา ตอนรับสุดยอดผู้นำ กระตุ้นท่องเที่ยว
เที่ยวหยุด “APEC 2022” หนีรถติดไปสูดอากาศบริสุทธิ์ กลางหุบเขาใกล้กรุงเทพฯ
เริ่มเดินทางกันเลยกับคืนแรก นอนไปบนรถไฟตู้นอน ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง ตื่นเช้าขึ้นมาก็ถึงลำปางแล้ว สถานที่เที่ยวแรกที่ใกล้รางรถไฟมากที่สุด และถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดที่ต้องมาเยือนกันให้ได้สักครั้ง คือ “อุทยานการเรียนรู้มิวเซียมลำปาง” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “มิวเซียมลำปาง” ที่เดิมเคยเป็นศาลากลางจังหวัดลำปาง ก่อนจะถูกเนรมิตขึ้นมาไม่นานให้เป็นพื้นที่จัดนิทรรศการ “คน เมือง ลำปาง” และมีส่วนของพื้นที่ห้องสมุด ซึ่งมีสื่อการเรียนรู้รวมกันแล้วมากกว่า 3,000 รายการ
ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวลำปางกันได้อย่างครบรสและจุใจ และด้วยเอกลักษณ์ของอาคารที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นสถาปัตยกรรมไทย สถานที่แห่งนี้จึงเป็นอีกจุดที่น่าเข้าไปถ่ายรูปเก็บเอาไว้เช่นกัน
นั่งรถ หรือเดินต่อกันไปอีกหน่อย ระหว่างทางอาจเห็น “รถม้าชมเมือง” แนะนำว่าอยากให้ลองนั่งกันสักครั้ง เพราะตอนนี้ลำปางเป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศไทย ที่ยังคงมีรถม้าให้บริการในระยะทางใกล้ๆ ภายในตัวเมือง กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด จนได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งรถม้า”
ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของชาวลำปาง ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ได้ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ทรงสั่งรถม้าจำนวนมากมาใช้เป็นรถหลวง แต่ภายหลังรถม้าก็ถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ ทำให้ในปัจจุบันไม่ได้ใช้รถม้าเป็นยานพาหนะหลักแล้ว แต่ใช้ในการท่องเที่ยวชมรอบเมืองมากกว่า
ห่างออกไปไม่ไกล ในตัวเมืองยังมี แหล่งช้อปปิ้งเครื่องปั้นเซรามิก ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของลำปาง ซึ่งมีให้เลือกซื้อไปแทบทุกมุมทั่วอำเภอจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว บางที่ก็เป็นแหล่งที่ผลิตโดยชาวบ้านมีราคาถูก บางที่ก็เป็นงานที่ละเอียดมีราคาค่อนข้างแพง บางที่ก็เป็นโรงงานใหญ่แบบขายส่ง แต่ที่ใกล้ๆ ที่หาซื้อได้ง่าย ติดกับจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ในตัวอำเภอเมืองเองก็จะมีร้านรวมเซรามิก จำหน่ายปีกส่ง ให้เราได้ไปแวะซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน
เมื่อไปถึงลำปางแล้ว แน่นอนว่าไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือ การเข้าไปไหว้สักการะ “พระธาตุลำปางหลวง ลำปาง” วัดคู่บ้านคู่เมืองประจำจังหวัด และยังเป็นพระธาตุประจำปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จสิ้นกันในปีฉลูนั่นเอง ภายในจะมีซุ้มพระบาท ซุ้มที่สร้างครอบพระพุทธบาทเอาไว้ ก่อขึ้นเป็นชั้นคล้ายฐานเจดีย์ หากใครได้มองเข้าไปจะเห็นแสงหักเหปรากฏเป็นเงาพระธาตุและพระวิหาร นอกจากนี้ยังมีกุฏิพระแก้วที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตเอาไว้ แต่มีข้อห้ามว่าไม่ให้ผู้หญิงขึ้น
เชื่อกันว่าหากใครที่ได้ไปไหว้ โดยเฉพาะพระธาตุประจำปีเกิดของตัวเองอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต อีกทั้งเมื่อตายไป ดวงวิญญาณจะได้กลับไปยังพระธาตุนั้น ไม่ต้องเร่ร่อนไปในทุกคติภพ
เที่ยวลำปางกันอย่างจุใจแล้ว นั่งรถไฟไปต่อกันที่ลำพูน สำหรับไฮไลต์ประจำจังหวัด คือ “วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูนมาอย่างยาวนานกว่าพันปี ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ อันมี ธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกอก ธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีกเต็มบาตรหนึ่ง สำหรับพระวิหารถูกสร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมศรีวิชัยโบราณ ใครที่ได้สอดสายตามองออกไปต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยงามมาก วัดแห่งนี้จึงถือเป็น 1 ใน 8 จอมเจดีย์ของไทย และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกาด้วย
ผ่านไปแล้ว 4 จุดท่องเที่ยว ก็ตกค่ำพอดี เดินทางบนรถไฟกันไปต่อที่จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มต้นเช้าวันใหม่กับ “วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร” วัดคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเจดีย์ทรงเชียงแสนสีทองอร่ามที่ใครได้เห็นเป็นต้องเกิดจิตศรัทธา และภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ใต้ดิน ทำให้ชาวเชียงใหม่เคารพนับถือวัดพระธาตุดอยสุเทพกันมาก และเชื่อกันว่าหากใครได้มาสักการะและอธิษฐานขอพรพระธาตุดอยสุเทพ จะมีแต่ความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา แคล้วคลาด ผ่านอุปสรรคนานาไปได้
และอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ห่างออกไปไม่ไกลมากประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร จากวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร คือ “วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร” อีกวัดสำคัญคู่เมืองเชียงใหม่ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน “พระพุทธสิหิงค์” ที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 700 โดยกษัตริย์ 3 พระองค์จากกรุงลังกา และพระอรหันต์ถึง 20 รูป ก่อนพญาเมืองแสน กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย ได้อัญเชิญมาประดิษฐานในวัดแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2483 ทำให้กลายเป็นที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวเชียงใหม่ ตลอดไปจนถึงผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้ขึ้นมากราบไหว้ที่พระวิหารแห่งนี้
นอกจากนี้วัดพระสิงห์ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะโรง (งูใหญ่) หากได้มานมัสการอย่างน้อยครั้งหนึ่งแล้ว จะเป็นมงคลสูงสุด ทำให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งวัน ถึงเวลาแล้วที่จะเดินทางกลับ หากใครกังวลว่าจะถึงบ้านดึก อาจเลือกนั่งรถไฟตู้นอนกลับบ้านได้ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการรถไฟได้ออกแพคเกจพิเศษท่องเที่ยวทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ กรุงเทพมหานคร-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่ ตามเส้นทางนี้ด้วย ใครที่สนใจสามารถโทรสอบถาม Lanna Modernization Railroad 090-9212009 หรือ 089-4799210 หรือหากใครอยากได้เที่ยวด้วยตัวเองคนเดียว หรือไปกลุ่มเพื่อนด้วยรถไฟ จะนำเอาไอเดียการจัดทริปนี้ไปใช้กันก็ได้ เรียกได้ว่าเดินทางง่าย ใกล้สถานีรถไฟ