แจกพิกัดเที่ยวตาม “ลิซ่า BLACKPINK” กับ 3 วัดดังในอยุธยา ให้บลิ๊งค์ได้ไปฟินกันแบบอิ่มทั้งใจ ได้ทั้งบุญ
“ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล” สร้างกระแสฟีเวอร์อีกครั้ง กับการท่องเที่ยวไทยที่เมืองกรุงเก่าอย่าง “อยุธยา” หลังเธอเดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อแสดงคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR [BORN PINK] BANGKOK ENCORE เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้พักผ่อน โดยใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนๆ
ซึ่งนอกจากจะไปเดินซื้อของที่ปากคลองตลาดในลุคสบายๆ แล้ว ยังมีโอกาสไปเที่ยวไหว้พระวัดดัง พร้อมกับสวมชุดผ้าไทย เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวและถุงฝ้ายมัดหมี่ย้อมครามถ่ายรูปลงอินสตราแกรมส่วนตัวด้วย
“ลิซ่า BLACKPINK” ลุคนี้สวยมาก! สวมชุดผ้าไทยเช็กอินไหว้พระ-เที่ยวอยุธยา
รวมที่เที่ยวงาน "Pride Month" เช็กจุดถ่ายรูป-เดินไพรด์พาเหรด
แต่สำหรับทริปไหว้พระนี้ จะมีที่ไหนบ้าง นิวมีเดีย พีพีทีวี ได้รวบรวมมาให้แล้วดังนี้
วัดมหาธาตุ
ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัด เมื่อปี พ.ศ. 1927 พระปรางค์วัดมหาธาตุจึงถือเป็นปรางค์ที่สร้างในระยะแรกของสมัยอยุธยา ต่อมายอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น
สำหรับพระปรางค์นั้น มีหลักฐานว่าเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ และก่อสร้างอย่างวิจิตรสวยงามมาก โดยเมื่อปี พ.ศ. 2499 กรมศิลปากรขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ พบของโบราณหลายชิ้นที่สําคัญคือ ผอบศิลา ภายในมีสถูปซ้อนกัน 7 ชั้น แบ่งเป็น ชิน เงิน นาค ไม้ดํา ไม้จันทน์แดง แก้วโกเมน และทองคํา ชั้นในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุได้รับการนําไปประดิษฐานไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยาแล้ว
แต่สิ่งที่น่าสนใจในวัดอีกอย่าง ที่เมื่อทุกคนได้ไปเยือนไม่ควรพลาด คือ “เศียรพระพุทธรูปหินทราย” ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเศียรพระพุทธรูปนี้หล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุม นับเป็นความงดงามที่หาที่อื่นใดไม่ได้อีกแล้ว
วัดหน้าพระเมรุ
“วัดหน้าพระเมรุราชิการาม” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “วัดหน้าพระเมรุ” ตั้งอยู่ริมคลองสระบัว ด้านทิศเหนือของคูเมือง (เดิมเป็นแม่น้ำลพบุรี) ตรงข้ามพระราชวังหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พ.ศ. 2046
ตามประวัติศาสตร์ว่า "พระองค์อินทร์ (พระบรมวงศานุวงศ์ท่านหนึ่ง) ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง จึงได้ขอพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าแผ่นดินขอสร้างวัดนี้ขึ้น
ต่อมาเมื่อครั้งทําศึกกับพระเจ้าบุเรงนอง สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ได้มีการขอทําสัญญาด้วยการเจรจาแบบสันติวิธีเพื่อสงบศึก โปรดให้สร้างพลับพลาที่ประทับขนาดใหญ่ขึ้นในบริเวณด้านข้างวัดหน้าพระเมรุ จนถึงบริเวณวัดหัสดาวาส และเมื่อครั้งศึกใหญ่ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับพม่า ในปี พ.ศ. 2310 วัดนี้ถูกเลือกเป็นชัยภูมิของทัพหลวงกรุงอังวะ เมื่อเสร็จศึกกรุงศรีอยุธยาพ่ายสงคราม พระเจ้ากรุงอังวะจึงโปรดให้ละเว้นวัดนี้ไว้ ไม่เผาทําลาย ทำให้วัดแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดในอยุธยา
พระอุโบสถมีความยาว 50 เมตร กว้าง 16 เมตร ภายในมีพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราช นามว่า “พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ” เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง สมัยอยุธยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และมีความสมบูรณ์งดงามมาก สูงประมาณ 6 เมตร หน้าตักกว้าง 4.40 เมตร
วัดแม่นางปลื้ม
วัดแม่นางปลื้ม ตั้งอยู่บริเวณคลองเมือง ตรงข้ามหัวรอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 1920
วัดแม่นางปลื้มเปี่ยมด้วยตำนาน และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา อีกทั้งยังงดงามด้วยโบราณสถานที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
ตำนานการสร้างวัดมีหลายความเชื่อ บ้างก็ว่าวัดนี้มีมาก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยา บ้างก็ว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีตำนานเล่าว่า ที่ดินตรงนี้เคยเป็นเรือนของแม่ปลื้ม แม่ปลื้มอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีลูกหลาน วันหนึ่งพระนเรศวรพายเรือมาแต่พระองค์เดียวแล้วเจอพายุฝนซัดกระหน่ำ เมื่อทอดพระเนตรเห็นเรือนหลังนี้ยังสว่างด้วยแสงไฟตะเกียงจึงเสด็จขึ้นท่า ขอเสวยน้ำจันทน์และพักค้างแรม แม้แม่ปลื้มจะไม่รู้ถึงชาติกำเนิดของชายผู้นี้ ก็ยังต้อนรับขับสู้อย่างดี อีกทั้งยังกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินด้วยความจงรักภักดี พระนเรศวรทรงพอพระทัยมาก พอรุ่งสางก็เสด็จกลับพระราชวังหลวง จากนั้นไม่นานก็จัดขบวนมารับแม่นางปลื้มไปเลี้ยงอาหารในวัง เพื่อตอบแทนความเมตตาและหัวใจอันภักดี
เมื่อแม่ปลื้มเสียชีวิตสมเด็จพระนเรศวรก็จัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ พร้อมสร้างวัดพระราชทาน ชื่อว่า “วัดแม่นางปลื้ม” ช่วงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา วัดแม่นางปลื้มเป็นฐานที่พม่ายิงปืนใหญ่เข้าไปในกำแพงพระนคร ด้วยเหตุนี้วัดจึงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่ถูกเผาทำลายเช่นวัดอื่น ๆ ในเกาะเมือง
นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาภายในวัด อันได้แก่ พระวิหารเก่าแก่ ภายในประดิษฐาน "หลวงพ่อขาว" พระประธานองค์สีขาวบริสุทธิ์ ศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น เจดีย์ทรงกลมฐานสิงห์ล้อม ศิลปะสมัยอยุธยาที่ได้รับอิทธิพลศิลปะเขมร พร้อมชมพระอุโบสถหลังใหม่ หน้าบันประดับด้วยปูนปั้นลวดลายวิจิตร หรือจะเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปและถวายสังฆทานก็ได้
นับได้ว่า “ลิซ่า BLACKPINK” ได้สร้างซอฟท์พาวเวอร์ของไทยให้เป็นที่ประจักษออกสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง ทั้งแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ผ้าไทยผืมงาม และลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ ที่ผ่านมาอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
5 ที่เที่ยวเดือนมิถุนายน สัมผัสฤดูกาลสีเขียว-ตามรอยประวัติศาสตร์