เอกชน คาด! ส่งออกทั้งปี 68 ยังเติบโตได้ 5%
เอกชน คาด ส่งออกทั้งปี 68 ยังเติบโตได้ 5% กังวล! (ร่าง) พ.ร.บ.ค่าแรงฉบับใหม่ หวั่น ต้นทุนธุรกิจพุ่งกว่า 16%
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนสิงหาคม 2568 พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 27,743 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.8% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 29,707 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.8% ส่งผลให้ดุลการค้าของไทย ขาดดุลเท่ากับ 1,964 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม–สิงหาคม ของปี 2568 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY)
พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 223,175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.3% ในขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 224,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 11.3% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลเท่ากับ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับแนวโน้มการส่งออกแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม คาดว่า ไตรมาส 4 จะขยายตัว ได้แก่ ไก่ สินค้ากลุ่มกาแฟ ส่วนประกอบยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าไตรมาส 4 จะหดตัว ได้แก่ สินค้าเครื่องนุ่งห่ม ยานยนต์ อาหาร และยางพารา
คาดว่า ไตรมาส 4 ของปีนี้ (4 เดือนที่เหลือของปี) ตัวเลขส่งออกจะทรงตัว หรือ อาจติดลบ แต่มองว่าไม่ใช่ตัวเลขที่แย่ ประกอบกับตัวเลขฐานของปี 67 สูง
ทั้งนี้ สรท. ยังเชื่อมั่นว่า การส่งออกทั้งปี 2568 จะเติบโต 5%(+-) (ณ ตุลาคม 2568) ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตอย่างมากของการส่งออกในช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แม้การส่งออกของไทยจะเริ่มชะลอตัวลงในไตรมาส 3-4 ยังทำให้ภาพรวมการส่งออกไทยตลอดทั้งปีนี้ยังมีการเติบโต
ส่วนปี 2569 คาดว่า ถ้ามาตรการต่างๆ ที่ได้นำเสนอต่อรัฐบาลไป โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า / แรงงาน / ต้นทุนการเงิน SME ก็เชื่อว่าตัวเลขส่งออกจะ เติบโตใกล้เคียงกับปีนี้
ที่สำคัญ ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนที่สำคัญซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะที่เหลือของปีนี้และปี 2569 ประกอบด้วย
1) มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariff) เริ่มส่งผลให้เกิดความผันผวนในระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และสะท้อนความเปราะบางของการค้าโลกในระยะต่อจากนี้ไป
2) ค่าเงินบาทแข็งค่าสูงกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งอื่นในภูมิภาค ซึ่งแม้จะเกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีปัจจัยอื่นเป็นตัวเร่งเพิ่มเติม และมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกอย่างยิ่ง
3) ข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะการขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันส่งผลให้ขาดเงินทุนสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจและรวมถึงทำให้การหาตลาดใหม่ชดเชยตลาดเก่าทำได้ในวงจำกัด
4) การขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อส่งออกซึ่งสืบเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงข้อจำกัดในการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อ
5) ปัญหาการสวมสิทธิเพื่อ Re-export สินค้าไม่มีคุณภาพ หรือ ไม่มีมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าไทยในภาพรวม
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะ 7 ข้อต่อรัฐบาลให้เร่งดำเนินการ ประกอบด้วย
1) กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ และสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินของภูมิภาค
2) กำกับดูแลและเร่งปรับลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะขอให้ทบทวน (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ... และขอให้มีผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมในการพิจารณาร่างกฎหมาย เพื่อสะท้อนความเห็นและมุมมองต่อการปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน รวมถึงการกำหนดกลไกช่วยเหลือนายจ้างที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 16% และจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะกระทบกับภาคประชาชนในภาพรวม รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขอให้เป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี หรือคณะกรรมการค่าจ้าง
มีความกังวลมากต่อ (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ... และเชื่อว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และจะคัดค้าน เนื่องจากทำให้ต้นทุนของผู้ประกาศประกอบการเพิ่มสูงขึ้น 16% โดยอยากขอให้พิจารณาอย่างรอบด้าน โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ (10 ต.ค.68) จะยื่นหนังสือไปยังประธานรัฐสภาเพื่อให้พิจารณา
3) เร่งรัดการพิจารณาอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงเพิ่มวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และเร่งรัด/ขยายการเจรจาความตกลง FTA ให้ครอบคลุมประเทศคู่ค้าสำคัญ 3.1) จัดสรรงบประมาณเพื่อให้มีกองทุน SME สำหรับการร่วมลงทุนกับภาคเอกชนรายย่อยซึ่งมีโอกาสทางธุรกิจแต่ขาดเงินทุน และให้ซื้อทุนคืนจากรัฐเมื่อเอกชนรายนั้นมีความสามารถทางการเงินเพียงพอ
4) เร่งแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์การค้า โดยเฉพาะปัญหาความแออัดท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นรูปธรรมและกำหนดแนวทางดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอของภาคเอกชน
5) เพิ่มความเข้มงวดและกำกับดูแลมาตรฐานราคา ภาษีสินค้านำเข้า ทั้งในรูปของการค้าปกติและการค้าในรูปแบบออนไลน์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภคและให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศ
6) เพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบการสวมสิทธิ์สินค้าไทยในการส่งออกไปยังประเทศที่ 3
7) สานต่อนโยบายที่ดีและมุ่งเน้นสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าต่อประเทศมากที่สุด ด้วยการ 7.1) ยกระดับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์(Digital Government) และ 7.2) ออกกฎหมายสำหรับกระบวนการทำงานใหม่ในระบบดิจิทัล เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB