ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.81 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.81 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.81 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในกรอบ 33.64-33.86 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงราว -20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
หลังผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ของเฟดในการประชุมที่เหลือของปีนี้ลงบ้างจากรายงานอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เดือนสิงหาคม ที่ไม่ได้ชะลอลงตามคาด โดยโมเมนตัมอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI (%m/m) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.3% สูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ +0.2% อย่างไรก็ดี โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นบ้าง ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจใช้จังหวะเงินบาทอ่อนค่าลงใกล้โซนแนวต้านแรกแถว 33.80-33.90 บาทต่อดอลลาร์ ในการทยอยขายเงินดอลลาร์หรือขายทำกำไรสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง)
“นายกฯอิ๊งค์” ถึงเชียงรายลุยน้ำท่วม ปลอบผู้ประสบภัย ยังเหลือชีวิตอยู่!
เทียบตัวท็อป 2 ค่ายดัง iPhone 16 Pro Max vs Samsung Galaxy S24 Ultra
เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: “ทรัมป์” ไม่ดีเบต “แฮร์ริส” อีก ลั่นไม่จำเป็นต้องแก้มือ
แนวโน้มของค่าเงินบาท
แม้ว่าเงินบาทจะเริ่มทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (หนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลง) แต่เราอาจยังไม่มั่นใจได้ว่า เงินบาทจะพลิกกลับไปอ่อนค่าลงได้ชัดเจน จนกว่าจะเห็นการอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งโซนดังกล่าวได้กลายมาเป็นโซนแนวต้านสำคัญของเงินบาทในระยะสั้น และหากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้จริง ก็มีโอกาสอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซน 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า บรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงอาจช่วยหนุนบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียได้บ้าง โดยเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในจังหวะที่ ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) มีจังหวะย่อตัวลงเข้าสู่โซนแนวรับเชิงเทคนิคัล นอกจากนี้ โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจชะลอลงได้ ตามการทยอยขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะผู้ส่งออก
ทั้งนี้ เรามองว่า ตลาดค่าเงินก็อาจยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ ทำให้เงินบาทก็อาจแกว่งตัวในกรอบ sideways ระหว่าง 33.70-33.90 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงหลังตลาดรับรู้ผลการประชุม ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะหาก ECB ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งอาจสะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ ก็อาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลงได้ในระยะสั้น ขณะเดียวกัน หากรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ไม่ได้ชะลอตัวลงตามคาด รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ยังคงสะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ชะลอลงหนัก ก็อาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ กดดันราคาทองคำและเงินบาทได้
เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-34.00 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.40 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.77 บาท/ดอลลาร์
*ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานในวันนี้ โดยภาพรวมคือ PPI ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาด
ขณะที่ ECB ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวานนี้ เป็นการปรับลดดอกเบี้ยก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในสัปดาห์หน้า ซึ่งตลาดคาดว่าเฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกัน
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 240 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 830 ล้านบาท
* กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 33.30 - 33.80
*แนะนำ ซื้อ 33.30/ ขาย 33.80
EUR/THB 36.90- 37.40
* แนะนำ ซื้อ 36.90 / ขาย 37.40
JPY/THB 0.2340- 0.2390
* แนะนำ ซื้อ 0.2340/ ขาย 0.2390
GBP/THB 43.75- 44.25
AUD/THB 22.30- 22.70