5 ผลกระทบใหญ่ทั่วโลกที่ "ต้องรู้" หากรัสเซียบุกยูเครน
ความตรึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ลามไปถึงประเทศในยุโรปที่เป็นสมาชิกนาโต ซึ่งมีความเสี่ยงว่าจะเกิดสงคราม แต่สิ่งที่ตามมาคือเศรษฐกิจปั่นป่วนทั่วโลก
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความปั่นป่วนมากขึ้นในตลาด ตั้งแต่ราคาข้าวสาลี ราคาน้ำมัน จนถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ค่าเงิน และตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากสินค้าแทบทุกประเภทมีความเกี่ยวโยงกันทั่วโลกจากระบบเศรษฐกิจยุคใหม่
ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หากความขัดแย้งบานปลาย กลายเป็นสงครามระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกัน
“ไบเดน-ปูติน” ถกหารือวิกฤตยูเครน ยังไร้ผล นานาประเทศเริ่มกังวล
“ไบเดน” ขู่คว่ำบาตร “ปูติน” หากรัสเซียบุกยูเครน
ทองคำวันนี้ พุ่งแรง 400 บาท ผวาสงคราม แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
การเคลื่อนไหวของตลาดในช่วง 1 เดือน
ความกังวลสงครามได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างหนัก ต่อไปนี้เป็น 5 เรื่องที่ต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเกิดสงคราม
สินทรัพย์ปลอดภัยทะยานขึ้น
ก่อนหน้าความกังวลเรื่องความขัดแย้ง "ยูเครน-รัสเซีย" เศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นจากธนาคารกลางหลายประเทศขึ้นดอกเบี้ย ดังจะเห็นสัญญาณจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปีขยับขึ้นเหนือ 2% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของเยอรมนีพุ่งขึ้นมากกว่า 0% เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019
แต่หากรัสเซียบุกยูเครน จะทำให้ทิศทางในตลาดเปลี่ยนไป
หลายชาติแจ้งพลเรือนเร่งอพยพจากยูเครน
นักลงทุนจะแห่ลงทุนพันธบัตรครั้งใหญ่ เพราะมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มขึ้น ไม่ต่างจากเดิม แต่มีอัตราเร่งตัวขึ้น ยิ่งกว่านั้น ราคาน้ำมันจะทะยานสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนจะดันขึ้นเฟ้อให้ทะยานขึ้นไปอีก
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะค่าเงินสวิส ที่เป็นดัชนีชี้วัดความเสี่ยงการเมืองโลกในเขตยูโรโซน ก็จะแข็งค่าขึ้น นักลงทุนจะแห่ไปซื้อเงินสวิสเพราะมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ดังจะเห็นจากค่าเงินสวิสขยับขึ้นแข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2015 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อม ๆ กับการเทขายของนักลงทุนในตลาดหุ้น
เช่นเดียวกับราคาทองคำ พุ่งขึ้นสูงขึ้นในรอบ 2 เดือน เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามวิกฤต หรือ เกิดความขัดแย้งระดับโลก
ราคาอาหารและข้าวสาลีพุ่งขึ้น
หากเกิดความขัดแย้งทางทหาร จะส่งผลกระทบต่อการขนส่งในทะเลดำ ทำให้สินค้าที่ขนส่งผ่านบริเวณนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น
ประเทศส่งออกรายใหญ่ คือ ยูเครน รัสเซีย คาซัคสถาน และโรมาเนีย ที่ใช้เส้นทางขนส่งผ่านทะเลดำจะเผชิญกับความยุ่งยากในการส่งออก เนื่องจากปฏิบัติการทางทหาร
ยูเครน เป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวโพดรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกและส่งออกข้าวสาลี อันดับ 4 ของโลก ส่วนรัสเซียเป็นประเทศส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่สุดของโลก ซึ่งหากเกิดความขัดแย้งขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่ออาหารโลกอย่างรุนแรง
จะเห็นได้ว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา ราคาสินค้าเหล่านี้เริ่มขยับขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง และหากเกิดสงครามจริง ราคาก็จะทะยานขึ้น
จับตารัสเซียเคลื่อนกำลังบุกยูเครน ทองคำวิ่งทะลุ 1,900 ดอลลาร์
ราคาก๊าซและน้ำมันพุ่ง
ตลาดพลังงานจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหากสงครามเกิดขึ้น เพราะยุโรปพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียประมณ 35% ส่วนใหญ่มาจากท่อส่งก๊าซผ่านเบลารุสและโปแลนด์ ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซเส้นแรก (Nord Stream 1) ส่งไปยังเยอรมันโดยตรง และยังส่งบางส่วนผ่านทางยูเครน
ในปี 2020 ปริมาณก๊าซจากรัสเซียลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์ อันเนื่องมาจากโควิด-19 และยังไม่ฟื้นตัวจนถึงปลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อคลายมาตรการ ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น ดันราคาก๊าซสูตามไปด้วย
หากเกิดการตอบโต้รัสเซียเพราะการบุกยูเครน ทางเยอรมันประกาศออกมาแล้วจะยุติท่อส่งก๊าซเส้นใหม่ หรือ Nord Stream 2 จากรัสเซีย โดยนักวิเคราะห์มองว่าหากเกิดความขัดแย้งจะทำให้การส่งก๊าซลดลงอย่างมาก ทั้งผ่านเบลารุสและยูเครน
ตลาดน้ำมันโลกจะได้รับผลกระทบจากสงคราม เนื่องจากยูเครนขนส่งน้ำมันจากรัสเซียไปยังสโลวาเกีย ฮังการีและสาธารณรัฐเชค โดยปีที่ผ่านมา มีการขนส่งผ่านยูเครนไป 3 ประเทศราว 11.9 ล้านตัน
เจพีมอร์แกน คาดว่าหากเกิดความขัดแย้งจะกระทบตลาดน้ำมัน อาจจะขึ้นไปถึง 150 ดอลลาร์/บาร์เรล และจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว 0.9% ในครึ่งปีแรก และเงินเฟ้อจะพุ่งไปอยู่ที่ระดับ 7.2%
ธุรกิจใหญ่แขวนบนเส้นด้าย
บรรดาธุรกิจประเทศตะวันตกอาจเผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ หากรัสเซียบุกยูเครน โดยเฉพาะบริษัทน้ำมันหลายแห่งที่มีการลงทุนในรัสเซีย อย่างเช่น บีพีของสหราชอาณาจักร บริษัทเชล
ล์ รวมถีงเอ็กซอนของสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีภาคการเงิน ทั้งในฐานะผู้ปล่อยกู้ และดำเนินธุรกิจในรัสเซีย รวมถึงสินค้าบริการอื่น
ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้จ่อ 100 เหรียญ จากความตรึงเครียด"รัสเซีย-ยูเครน"
ตลาดพันธบัตรและอัตราแลกเปลี่ยน
สินทรัพย์ของชาวรัสเซียและยูเครจะเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น หากเกิดสงคราม
พันธบัตรของทั้งสองประเทศร่วงลงอย่างหนัก นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้ง จากแรงเทขายของนักลงทุน และย่ำแย่ลงเมื่อเริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่างนาโตกับรัสเซียในประเด็นยูเครน
ค่าเงินของทั้งรัสเซียและยูเครน ร่วงลงอย่างหนัก นับเป็นค่าเงินที่ร่วงลงมากที่สุดในปีนี้นับตั้งแต่เริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ ซึ่งสถานการณ์เดียวกันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2014 ที่รัสเซียได้ผนวกคาบสมุทรไครเมีย
เปิด 3 เส้นทาง รัสเซียอาจใช้บุกยูเครน หลังเจรจาการทูตไม่คืบ