กนง.คาดอัตราเงินเฟ้อสูงเกินกรอบเป้าหมาย ไตรมาส 2-3 สูงกว่า 5%
ครม.รับทราบรายงานเศรษฐกิจไตรมาส 1 จาก กนง.คาดเงินเฟ้อสูงเกินกรอบเป้าหมาย ปี 65 แตะ 4.9% ไตรมาส 2-3 สูงกว่า 5% จากราคาพลังงานและต้นทุนในหมวดอาหาร
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งเป็นไปตามมติครม.เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 ที่ให้ กนง.ประเมินภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของประเทศ และรายงาน ครม.เป็นรายไตรมาส
ราคาพลังงาน-อาหาร ดันเงินเฟ้อ พ.ค.พุ่ง 7.1% สูงสุดในรอบ 13 ปี
เทียบค่าครองชีพ เม.ย.-พ.ค.65 เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 300 บาท
โดย กนง.ระบุว่า การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2565 กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% โดยประเมินว่า
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะไม่กระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม รวมทั้งโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจน้อยกว่าระลอกก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน กนง.ประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมาจากความผันผวนของราคาสินค้าในระยะสั้นจึงสามารถมองผ่านได้ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นเป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทาน ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย กนง.จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 2565 จะปรับสูงขึ้นเกินกรอบเป้าหมายจากราคาพลังงานและต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลัก โดยจะทยอยลดลงและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566
โดย กนง. คาดว่า ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.9% ปี 2566 อยู่ที่ 1.7% โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงกว่า 5% ในช่วงไตรมาสที่ 2 คือเดือนเมษายน-มิถุนายน และไตรมาสที่ 3 เดือนกรกฎาคม-กันยายน ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงหลังของปี 2565 และกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายในช่วงต้นปี 2566
เปิด 12 กลุ่มหุ้น เจอพิษเงินเฟ้อพุ่งแรงสูงสุดรอบ 13 ปี ส่อกระทบกำไร บจ.
ปี 65 "ก่อสร้างเผชิญความท้าทาย"ต้นทุนสูง ทั้ง เหล็ก ปูนซีเมนต์ ค่าแรง
การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2565 เป็นผลจากในช่วงเดียวกันของปี 2564 น้ำมันมีราคาต่ำและมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐ จึงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเทียบปีต่อปีสูงขึ้นแม้ว่าระดับราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก
ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.2% ในปี 2565
ส่วนปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 4.4% มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2565มีแนวโน้มขยายตัวที่ 7% และในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 1.5% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 5.6 ล้านคน และปี 2566 อยู่ที่ 19 ล้านคน ปรับลดลงจากประมาณการเดิม เนื่องจากนักท่องเที่ยวรัสเซียอาจไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้
ส่วนการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินนั้น กนง.มองว่า ด้านเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับตัวสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงตามราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์
ขณะที่ภาวะการเงินและเสถียรภาพระบบการเงินไทยนั้น ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย แต่ตึงตัวขึ้นจากความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำทั้งในตลาดสินเชื่อและตลาดตราสารหนี้แต่ยังสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง ส่วนระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพแต่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเปราะบางขึ้นในบางกลุ่มจากผลกระทบของโควิด 19 ค่าครองชีพ และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนจากสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ของครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง จึงควรผลักดันการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ระยะยาว
สำลัก อาหารติดคอ แนะวิธีปฐมพยาบาล ลดเสี่ยงเสียชีวิต
หมอเผยคนไทยอายุน้อยกว่า 42 ปี ถือว่าไม่มีภูมิคุ้มกันต่อ "ฝีดาษลิง"