KBANK ตั้งเป้าปี 66 สินเชื่อโต 5-7% คุมเพดาน NPL ไม่เกิน 3.25%
ธ.กสิกรไทย (KBANK) ประกาศเป้าหมายปี 66 ตั้งเป้าสินเชื่อจะเติบโต 5-7% และคุม NPL สูงไม่เกิน 3.25% ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมคงที่
KBANK กำไรสุทธิปี 65 ดิ่ง 6% เหตุตั้งสำรองสูง 5 หมื่นล้าน รับมือ ศก.ถดถอย
วิเคราะห์ KBANK หุ้นร่วง 2 วันติด หลังกำไรปี 65 วูบหนัก-ตั้งสำรองฯสูง
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย เมื่อวานนี้ 26 ม.ค.66 ได้มีมติอนุมัติเป้าหมายทางการงานของธนาคารกสิกรไทย สำหรับปี 2566 ได้แก่
ผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) ที่ 3.30-3.45% สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย และการเติบโตสินเชื่อของธนาคาร รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนดอกเบี้ยในระดับที่ดี
- การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ (Loan Growth) จะอยู่ระหว่าง 5-7% เติบโตจากปี 65 ที่ 3.03% จากการขยายตัวของสินเชื่อตามกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 โดยเฉพาะจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย อันเป็นการแสวงหาและกระจายแหล่งรายได้ใหม่ รวมถึงการเติบโตสินเชื่อธุรกิจบรรษัท โดยตั้งเป้าสินเชื่อบรรษัทธุรกิจเติบโต 4-6% สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโต 1-2% และสินเชื่อลูกค้าบุคคลเติบโต 2-4
- รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ (Net Fee Income Growth) คาดว่าจะทรงตัว ซึ่งจากเดิมปี 65 ติดลบ -6.89% เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อรายได้ค่าธรรมเนียมรับจากการทำธุรกรรม ในขณะที่ธนาคารจะขยายผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวกับ Wealth Management เพื่อช่วยบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้า รวมถึงการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว
- ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to Income Ratio) คาดว่าอยู่ที่ Low To Mid-40s ลดลงจากเดิมปี 65 อยู่ที่ 43.15
- ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) คาดว่าจะอยู่ในระดับ Low to Mid-40s จากรายได้ที่เติบโตสอดคล้องกับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการจัดการต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพ (Productivity) อย่างต่อเนื่อง
- เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio (Gross) คาดว่าจะไม่เกินที่ระดับ 3.25% สูงขึ้นจากเดิมเมื่อปี 65 ที่ 3.19% โดยการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเป็น K Shape มีการฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึงในแต่ละประเภทธุรกิจยังคงส่งผลกระทบต่อคุณภาพเงินให้สินเชื่อ ซึ่งธนาคารจะยังคงบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง
- Credit Cost คาดว่าจะอยู่ในช่วง 175-200 bps ทยอยลดลงจากระดับสูงสุดในปีก่อน โดยธนาคารยังคงใช้หลักความระมัดระวังและนโยบายทางการเงินที่รอบคอบในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม KBANK ระบุว่า เป้าหมายทางการเงินดังกล่าวข้างต้น เป็นการคาดการณ์ของธนาคารในเบื้องต้น ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้หากสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีกว่าปี 2565 โดยคาดว่าจะเติบโตที่ 3.7% ด้วยแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อจีนมีนโยบายเปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนักท่องเที่ยวคาดว่าจะกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ในปี 2567 อีกทั้งความเสี่ยงจากการชะลอตัวของภาคการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ภาวะถดถอยในเศรษฐกิจแกนหลักของโลก ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยจะยังคงเติบโตเป็น K Shape เห็นภาพการฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึงในแต่ละประเภทธุรกิจ ท่ามกลางการปรับเพิ่มของต้นทุนธุรกิจ อาทิ ค่าจ้างแรงงาน และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในขาขึ้น ตลอดจนหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
ขณะเดียวกัน KBANK ยังชี้แจงถึงกระแสข่าว ธนาคารกำลังจะทบทวนแผนกลยุทธ์ที่มีต่อธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด นั้น โดยระบุว่า ธนาคารแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและแนวทางเพิ่มเติมที่จะสร้างประโยชน์ต่อลูกค้า และผู้ถือหุ้นในทุกธุรกิจของธนาคาร รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่สำคัญของธนาคาร
ทั้งนี้ในแนวปฏิบัติธนารคารอาจจะต้องมีการหารือร่วมกันหลายฝ่าย ซึ่งการหารือดังกล่าวนั้นอาจจะไม่ได้ส่งผลให้มีธุรกรรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด โดยหากมีธุรกรรมเกิดขึ้น ธนาคารจะเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามเวลาที่เหมาะสม