BCP ปิดดีล ESSO ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นละ 9.8986 บาท ช่วง 8 ก.ย.-12 ต.ค. 66
BCP ปิดดีลเทคโอเวอร์ ESSO โดยซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่ 2.26 หมื่นล้านบาท ภายใน 31 ส.ค.66 และทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ส่วนที่เหลืออีก 1.165 หมื่นล้านบาท ช่วง 8 ก.ย.-12 ต.ค. 66 ในราคาหุ้นละ 9.8986 บาทเท่ากัน รวมมูลค่าหลังทำธุรกรรมดังกล่าว 3.4 หมื่นล้านบาท
บอร์ด “บางจาก” ลุยซื้อ “เอสโซ่” จากเอ็กซอนโมบิล จ่อเสนอผู้ถือหุ้น
“บางจาก” ได้เงินกู้แล้วกว่า 6 หมื่นล้าน เพียงพอฮุบ “เอสโซ่” ยันไม่กระทบฐานะการเงิน
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 66 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัทได้ยื่นประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเอสโซ่
โดย BCP จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมด (Tender Offer) ของ ESSO สัดส่วน 34.01% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวน 1,177 ล้านหุ้น
ในราคาหุ้นละ 9.8986 บาท มูลค่ารวม 11,651 ล้านบาท ระยะเวลาทำคำเสนอซื้อวันที่ 08 ก.ย. 2566 ถึงวันที่ 12 ต.ค. 2566
ขณะที่ก่อนหน้านี้ BCP ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญ ESSO โดยตรงจำนวน 2.283 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holding Pte. Ltd (เอ็กซอน โมบิล) มูลค่า 22,605 ล้านบาท ล่าสุด BCP รายงานว่า เงื่อนไขข้อบังคับก่อนเข้าซื้อหุ้น ESSO ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และคาดว่าจะชำระราคาค่าหุ้นในราคาหุ้นละ 9.8986 บาท ให้กับผู้ขายภายในวันที่ 31 ส.ค. 66
ทั้งนี้จากการที่ BCP จะดำเนินการ Tender Offer จากผู้ถือหุ้น ESSO ทุกราย สัดส่วน 34.01% และซื้อหุ้นโดยตรงจาก เอ็กซอน โมบิล สัดส่วน 65.99% โดยหากการซื้อขายเสร็จสิ้นลงจะทำให้ BCP ถือหุ้น ESSO ครบ 100% รวมมูลค่าซื้อขายทั้งหมด 34,257 ล้านบาท
ล่าสุดหุ้น ESSO เปิดตลาดเช้าวันนี้ 28 ส.ค. 66 ราคาปรับเพิ่มขึ้น 2.62% อยู่ที่ระดับ 9.80 บาทต่อหุ้น และหุ้น BCP ราคาปรับเพิ่มขึ้น 3.33% อยู่ที่ระดับ 38.75 บาทต่อหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า แหล่งเงินทุนที่ BCP ใช้ซื้อกิจการ ESSO จะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินในสัดส่วน 50% และกระแสเงินสดที่อยู่ในมือ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 20,000 ล้านบาท โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ซึ่งหลังจากการเข้าซื้อกิจการเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้สมมติฐานเข้าถือหุ้น 100% ใน ESSO คาดจะส่งผลให้อัตราส่วน Debt to Equity เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.3 เท่า ยังต่ำกว่า Bank และ Bondholder Covenant ที่ 2.0 เท่า
โดยหลังจากการควบรวมกิจการเป็นที่เรียบร้อยจะส่งผลให้กำลังการกลั่นติดตั้ง (Nameplate Capacity) ของ BCP เพิ่มขึ้นเป็น 2.94 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็นโรงกลั่นที่ขนาดกำลังการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
นอกจากนี้จะส่งผลให้ธุรกิจการตลาด (Retail Marketing) ขึ้นอยู่ในอันดับ 2 ในส่วนของส่วนแบ่งการตลาด ด้านปริมาณขายที่ 29.1% เป็นรองอันดับ 1 คือ OR ที่ 39.0% รวมถึงเป็นการกระจายสถานีบริการน้ำมันไปทั่วภูมิภาคของประเทศด้วยจำนวนสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 พันสถานีบริการ (BCP 1,300 พันสถานี + ESSO 780 สถานี) และคาดจะมีการร่วมมือกันระหว่างองค์กร (Synergy) เกิดขึ้น โดยในส่วนของมูลค่า Synergy ที่คาดจะเกิดขึ้นผู้บริหารยังไม่เปิดเผย
ขณะที่เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปกติทั้งปี 2566 ภายใต้สมมติฐานค่าการกลั่นในปี 66 ที่ 8.0 เหรียญฯต่อบาร์เรล เทียบกับปี 65 ที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ราว 14.3 เหรียญฯต่อบาร์เรล และสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2566 ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ราว 90 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากค่าเฉลี่ยราว 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในปี 65
อย่างไรก็ตาม หากค่าการกลั่นในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ดีกว่าที่กำหนดไว้ที่เฉลี่ยราว 8 เหรียญฯต่อบาร์เรล ฝ่ายวิจัยก็พร้อมที่จะทบทวนประมาณการอีกครั้ง เพราะปัจจุบันค่าการกลั่นดีดตัวแรงและรวดเร็วมาอยู่ที่ 8-10 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากค่าเฉลี่ยในงวดไตรมาส 2 ปี 66 ที่ 4.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากความกังวลด้านอุปทาน ทั้งจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นทั้งตามแผนและไม่เป็นไปตามแผนหลายแห่งทั่วโลก ประกอบกับระดับสินค้าคงคลัง (Inventory) ที่อยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้เห็นแรงกระชากของราคาน้ำมันสำเร็จรูปเมื่ออุปทานตึงตัว
ทั้งนี้เบื้องต้นยังเชื่อว่าค่าการกลั่นอาจจะมีการปรับฐานมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในงวดไตรมาส 2 ปี 66 แต่หากในช่วงที่เหลือของไตรมาสยังยืนได้ในระดับสูงเช่นปัจจุบัน อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4 ปี 66จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะส่งผลให้เริ่มเห็นความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น
อ่านรายละเอียดฉบับเต็ม : การยื่นแบบประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (แบบ247-3)