Upside ยังจำกัดระวังอ่อนตัว จากบาทอ่อน-หุ้นสหรัฐปรับลง
InnovestX คาด SET วันนี้ (19 ก.ค. 67) ยังมี upside จำกัด และอ่อนตัวได้ ปัจจัยกดดันจากเงินบาทอ่อนค่า ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง แนวต้าน 1330-1335 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) คาด SET วันนี้ (19 ก.ค. 67) ยังมี upside จำกัด และอ่อนตัวได้ โดยมีปัจจัยกดดันจาก 1) เงินบาทกลับมาอ่อนค่า เป็นลบต่อทิศทาง fund flow 2) sentiment ลบ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง และ 3) แรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว ด้านกรอบบนยังจำกัด โดยมีแนวต้าน 1330-1335 จุด ส่วนกรอบล่างมีแนวโน้มลงหา มีแนวรับ 1320 และ 1315 จุด ตามลำดับ
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและมี Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อและยังต้องรอความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดจะได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ.ในสหรัฐที่น่าจะยังแข็งแกร่ง ภายใต้เศรษฐกิจจีนที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแอและเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง รวมถึงท่าทีของ ECB ที่คาดจะยังคงดอกเบี้ย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
กรมอุตุฯ เตือนฉบับ 14 วันนี้ 30 จังหวัดอาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก
“ดาวลูกตา” ดาวเคราะห์เหมาะดำรงชีวิตที่อาจสมบูรณ์แบบที่สุด?
วันเข้าพรรษา 2567 วันสำคัญทางพุทธศาสนาของไทย "ทำบุญ-ถวายเทียน"
ประเด็นสำคัญ
- จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ 2.43 แสนราย สูงสุดตั้งแต่ 12 ส.ค. 66 และสูงกว่าตลาดคาด
- ECB มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายตามตลาดคาด โดยดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 3.75% ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 4.50% ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ 4.25%
- กระทรวงการคลังคาดประชุม ครม.สัปดาห์หน้าจะพิจารณาปรับเงื่อนไขลงทุนของกองทุน Thai ESG ส่วนการเพิ่มเงินลงทุนในกองทุนวายุภักษ์จะทยอยเสนอ ครม.เร็ว ๆ นี้
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุ 1H67 ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลง 2%YoY มูลค่าลดลง 66%YoY ด้านธุรกิจเลิกกิจการ 1H67 ลดลง 1.5%YoY แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 55YoY คาดแนวโน้มปีนี้ธุรกิจเกิดใหม่เพิ่มตามเป้าหมาย 5-15%
- กระทรวงพลังงานระบุค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค. 67 ที่มีกระแสข่าวจะปรับขึ้น นโยบายของรัฐบาลคือจะตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับ ปชช.
- วานนี้ รฟม. ลงนามร่วมทุนกับ BEM ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี คาดเปิดให้บริการเฟสแรกส่วนตะวันออกปลายปี 2570 และเปิดให้บริการทั้งเส้นทางใน พ.ย. 73 ส่วนค่าโดยสารกำหนด 17-42 บาท ประเมินผู้โดยสารเข้าระบบ 4 แสนคนต่อวัน
- ตลท. เตรียมทำความเข้าใจกับ บจ.ช่วงปลาย ก.ค. 67 ในการเพิ่มความเข้มข้นประเมินความยั่งยืน บจ.ใน SET ESG Ratings เน้นนำข้อมูลเปิดเผยสู่สาธารณะทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
- CPALL 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 5.8 พันล้านบาท โต 31%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รวมทั้งมีส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT ส่วนแนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY โดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มฯ เช่นกัน ซึ่งเกิดจากการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT
- KTB 2Q67 คาดมีกำไร 10,833 ล้านบาท โต 7%YoY จาก NIM และ non-NII เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบัน Valuation ถูก Div. Yield ดี ความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจาก credit cost ที่ลดลง อีกทั้งมองมี Upside จาก NIM (โอกาสที่จะคงดอกเบี้ยนโยบาย) และแนวโน้มเพิ่มอัตราจ่ายเงินปันผล
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยยังมี Upside จำกัด หลังรอความชัดเจนของปัจจัยต่าง ๆ ในประเทศ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
- หุ้นที่คาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT BEM OSP TU KCE CPF
- หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท.เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT
- หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL GULF
- ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว แม้ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังไม่กระจายออกในวงกว้าง แต่ยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง และโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP