ธ.ก.ส.หนุน “ธนาคารต้นไม้” สู่การซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต
ธ.ก.ส. ผลักดันธนาคารต้นไม้ 9 ชุมชน จ.ฉะเชิงเทรา สู่การซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท หนุนปลูกป่าเพิ่มปีละ 108,000 ต้น
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผลักดัน 9 ชุมชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สู่การ “ซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้” ผ่านโครงการ BAAC Carbon Credit พร้อมขยายผลไปยังธนาคารต้นไม้อีกกว่า 6,800 ชุมชนทั่วประเทศ ตั้งเป้าสร้างคาร์บอนเครดิตสะสม 5.10 แสนตันคาร์บอนภายในปี 2571 สร้างรายได้ให้ชุมชนมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท และยังช่วยให้เกิดการปลูกป่าเพิ่มอีกปีละ 108,000 ต้น ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่ช่วย “ลดโลกร้อน”
นายเกียรติศักดิ์ พระวร ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เร่งขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า ปัจจุบันมีชุมชนเข้าร่วม 6,814 ชุมชน มีต้นไม้ขึ้นทะเบียน 12.4 ล้านต้น มีสมาชิก 120,000 คน มูลค่าต้นไม้ในโครงการกว่า 43,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังส่งเสริมการนำต้นไม้ที่ปลูกมาแปลงเป็นสินทรัพย์ เพิ่มมูลค่าให้ที่ดินและนำมาใช้เป็นหลักประกันเงินกู้กับ ธ.ก.ส. ทำให้สมาชิกมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากต้นไม้/ป่าไม้ ปีละ 116 ล้านบาท
เพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 ธ.ก.ส. ได้จัดตั้งโครงการ BAAC Carbon Credit ขับเคลื่อนการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้อย่างเป็นทางการในไทย ตามโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย ซึ่งมีการซื้อ-ขายครั้งแรกไปแล้วที่ชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และบ้านแดง จังหวัดขอนแก่น 400 ตันคาร์บอน โดย ธ.ก.ส. รับซื้อในราคากึ่ง CSR ตันละ 3,000 บาท คิดเป็นเงินรวม 1.2 ล้านบาท.....นายเกียรติศักดิ์ กล่าว
ยังจับไม่ได้! เร่งล่า "สันติ" คนร้ายหลบหนี ยิงสู้ตำรวจ #อินทามระ29
ประวัติ อาจารย์เบียร์ "คนตื่นธรรม" ผู้ไลฟ์สดสนทนาธรรมสไตล์ฮาร์ดคอร์
แจกลิสต์ “เมนูอาหารเจ 108 อย่าง” ทำกินได้ทุกวัน ตลอดเทศกาลกินเจ 2567
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากช่วงนี้มีมิจฉาชีพที่แอบอ้างขายกิ่งพันธุ์ พร้อมบอกว่าจะรับซื้อคาร์บอนเครดิต หรือนำเข้าร่วมโครงการ BAAC Carbon Credit ขอให้ระมัดระวัง เนื่องจาก ธ.ก.ส. ไม่มีนโยบายขายกิ่งพันธุ์ใด ๆ ทั้งสิน รวมถึงไม่มีนโยบายคิดค่าธรรมเนียมหรือค่าใช่จ่ายใด ๆ ในการเข้าร่วมโครงการกับ ธ.ก.ส.
ล่าสุด ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนธนาคารต้นไม้ 9 ชุมชน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งประสงค์เข้าร่วมโครงการ T-VER ประกอบด้วย
- ธนาคารต้นไม้ บ้านหลุมมะขาม
- ธนาคารต้นไม้ บ้านเกาะบรเพชร
- ธนาคารต้นไม้ บ้านแปลงนกเป้า
- ธนาคารต้นไม้ บ้านวังเย็น
- ธนาคารต้นไม้ บ้านหนองไม้แก่น
- ธนาคารต้นไม้ บ้านวังกะจะ
- ธนาคารต้นไม้ บ้านห้วยหิน อ.สนามชัยเขต
- ธนาคารต้นไม้ บ้านวังหิน อ.ท่าตะเกียบ
- ธนาคารต้นไม้ บ้านอ่างเตย อ.ท่าตะเกียบ
มีสมาชิก 61 คน มีพื้นที่ 81 แปลงรวมพื้นที่ 1,226 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา มีจำนวนต้นไม้ที่เข้าร่วมโครงการ 32,155 ต้น คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 305.47 ตันคาร์บอนต่อปี
ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างยื่นเอกสารเพื่อขึ้นทะเบียน T-VER กับองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก พร้อมขยายผลไปยังชุมชนธนาคารต้นไม้อีกกว่า 6,800 ชุมชนทั่วประเทศ หนุนการปลูกป่าเพิ่มอีกปีละ 108,000 ต้น และวางเป้าหมายสร้างปริมาณการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตอีกกว่า 510,000 ตันคาร์บอนภายในปี 2571.....นายเกียรติศักดิ์ กล่าว
นายวินัย สุวรรณไตร ผู้นำชุมชนไม้มีค่า ธนาคารต้นไม้บ้านหลุมมะขาม จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเครือข่ายธนาคารต้นไม้จังหวัดฉะเชิงเทราได้รับการสนับสนุนจาก ธ.ก.ส. ตลอดมา ตั้งแต่การเริ่มก่อตั้งธนาคารต้นไม้ การยกระดับธนาคารต้นไม้ไปสู่ชุมชนไม้มีค่า การนำต้นไม้ที่ปลูกมาแปลงเป็นสินทรัพย์ เพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินด้วยการนำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้กับ ธ.ก.ส รวมถึงการสร้างรายได้เสริมจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากต้นไม้อย่างต้นยางนา นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เช่น สบู่ยางนา เซรั่มบำรุงผิวจากยางนา น้ำบำรุงผิวสกัดจากใบยางนา น้ำมันยางนา ตลอดจนนำเครื่องสกัดยางนามาสกัดสารต่าง ๆ จากพืชอื่น ๆ เกิดผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สร้างอาชีพและสร้างรายได้ควบคู่กับการขายคาร์บอนเครดิต
การปลูกต้นไม้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและคาร์บอนไดออกไซค์ ช่วยลดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งยังมีหลักประกันจากไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้เป็นทุนสะสมใช้ยามฉุกเฉินหรือเมื่ออายุมากขึ้นอีกด้วย.....นายวินัย กล่าว