“UGG” รองเท้าคนเลี้ยงแกะในชนบท กลายเป็นปรากฏการณ์แฟชั่นระดับโลกได้ไง?
รู้จัก “UGG” แบรนด์ที่ผสมผสานการใช้งานเข้ากับแฟชั่นได้อย่างลงตัว กับเส้นทางจากรองเท้าคนเลี้ยงแกะในออสเตรเลียสู่ปรากฏการณ์แฟชั่นระดับโลก
เข้าฤดูหนาวอย่างนี้ หลายคนอาจมีแพลนไปเที่ยวต่างประเทศสัมผัสความหนาวเย็นแบบเต็มฉ่ำ อาจจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือประเทศฝั่งตะวันตก ทำให้บางส่วนอาจกำลังมองหารองเท้าบูตนุ่ม อุ่น สบาย และถ้าให้ดีคือสวยและมีสไตล์ด้วย
แบรนด์รองเท้าบูตที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงเวลานี้ คือ “UGG” แบรนด์สัญชาติอเมริกันที่มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลีย ชื่อแบรนด์จริง ๆ อ่านว่า “อั๊ก” แต่มีในบางประเทศ เช่น จีน ที่อ่านชื่อแบรนด์ว่า “ยูจีจี”
UGG เป็นที่รู้จักดีที่สุดจาก “รองเท้าบูตหนังแกะ” อันเป็นเอกลักษณ์ แต่ก่อนที่จะกลายเป็นปรากฏการณ์แฟชั่นระดับโลก เรื่องราวของแบรนด์นี้เริ่มต้นขึ้นจากคนเลี้ยงแกะในชนบทของออสเตรเลีย
รองเท้าบูตอั๊ก
รองเท้าบูตสไตล์ที่เรียกกันทั่วไปว่า “รองเท้าบูตอั๊ก” (ugg boots) มีต้นกำเนิดในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นรองเท้าหนังแกะ ข้างในบุขนแกะ เน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าหน้าตา ให้ความอบอุ่น เพื่อความสบายและการใช้งานจริง ทำให้เป็นรองเท้าที่ดูใหญ่ หนา ตัน และถ้าไม่ได้ตัดเย็บอย่างประณีต ก็เรียกได้ว่าอาจเข้าขั้น “น่าเกลียด” เลยทีเดียว
มีหลายทฤษฎีที่แตกต่างกันเกี่ยวกับต้นกำเนิดของรองเท้าบูตอั๊ก ว่ากันว่ารองเท้าบูตหนังแกะแบบดั้งเดิมเป็นที่รู้จักในชนบทของออสเตรเลียในช่วงทศวรรษที่ 1920
โดยคนเลี้ยงแกะและตัดขนแกะมักสวมใส่เพราะพบว่าทนทานต่อสารลาโนลิน (lanolin) ที่อยู่ในขนแกะ ซึ่งจะทำให้รองเท้าบูตธรรมดาผุพังได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม การผลิตเชิงพาณิชย์เริ่มต้นเมื่อใดยังไม่เป็นที่แน่ชัด รวมถึงที่มาของคำว่า “อั๊ก” ก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน
แฟรงค์ มอร์เทล จากโรงงานหนังแกะมอร์เทลส์ ระบุว่า เขาเริ่มผลิตรองเท้าบูตอั๊กในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 อ้างว่า เขาตั้งชื่อรองเท้าบูตหนังแกะของบริษัทว่า ในปี 1958 หลังจากที่ภรรยาของเขาแสดงความคิดเห็นว่ารองเท้าคู่แรกที่เขาทำนั้น “น่าเกลียด” (ugly)
ส่วน เชน สเตดแมน นักเล่นเซิร์ฟจากออสเตรเลีย เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเป็นผู้คิดค้นรองเท้าบูตอั๊ก และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า UGH-BOOTS ในออสเตรเลียในปี 1971 และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า UGH ในปี 1982
บางทฤษฎีเชื่อว่า คำนี้มาจาก “fug boots” ที่นักบินกองทัพอากาศอังกฤษสวมใส่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน
ความไม่ชัดเจนนี้ทำให้ในเวลาต่อมา เกิดข้อพิพาททางกฎหมายในหมู่ผู้ผลิตรองเท้าบูตหนังแกะหลายราย และเนื่องจากคำว่า ugg เป็นคำสามัญ จึงไม่สามารถได้รับการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าได้ เพราะถือเป็นการอ้างอิงทั่วไปถึงรองเท้าประเภทหนึ่ง ทำให้ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนมากกว่า 70 แบรนด์ที่มีการใช้คำว่า “ugg” ในโลโก้และชื่อ
แต่ในภาพรวม รองเท้าบูตสไตล์นี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นเซิร์ฟในช่วงทศวรรษที่ 1960 ที่สวมใส่รองเท้าเหล่านี้เพื่อให้เท้าอบอุ่นหลังจากว่ายน้ำในน้ำเย็นยะเยือก
รองเท้าบูตหนังแกะได้รับความนิยมอย่างมากเพราะสามารถรักษาความอบอุ่นและแห้งสบายได้ และนับจากนั้นก็เริ่มแพร่หลายออกจากออสเตรเลียไปต่างประเทศ
ข้างนอกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ UGG (พิมพ์ใหญ่ทั้งหมด) เป็นแบรนด์ที่ผลิตโดย Deckers Brands ในแคลิฟอร์เนีย โดยมีฐานการผลิตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน และมีเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา สมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมด และจีน
จากออสเตรเลียสู่สหรัฐฯ
แบรนด์ UGG ที่เรารู้จักกัน ก่อตั้งขึ้นในแคลิฟอร์เนียในปี 1978 โดย ไบรอัน สมิธ และ ดั๊ก เจนเซน นักเล่นเซิร์ฟชาวออสเตรเลีย
สมิธซึ่งมีพื้นเพมาจากออสเตรเลียแต่ย้ายมาอยู่ซานตาโมนิกา เล็งเห็นถึงเสน่ห์ของรองเท้าบูตหนังแกะซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักเล่นเซิร์ฟชาวออสเตรเลีย และไม่น่าแตกต่างกันสำหรับนักเซิร์ฟในสหรัฐฯ จึงตัดสินใจนำมันมาสู่ดินแดนฟากตะวันตกแห่งนี้
สมิธและเจนเซนได้ยื่นขอเป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้าอั๊กบูตในสหรัฐฯ ให้กับ Country Leather ผู้ผลิตรองเท้าบูตหนังแกะจากรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
แต่สมิธไม่ชอบชื่อแบรนด์ดังกล่าว จึงจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า UGG ในสหรัฐฯ แทน โดยช่วงแรกเปิดขายจากท้ายรถให้กับร้านขายอุปกรณ์โต้คลื่น
การคาดการณ์ของสมิธและเจนเซนไม่ผิดพลาด ช่วงกลางทศวรรษ 1980 UGGกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมการเล่นเซิร์ฟแบบสบาย ๆ ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้
ต่อมาเพื่อนของครอบครัวได้ลงทุน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาจึงได้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุ่น UGG Imports ขึ้นมา และเมื่อยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง สมิธจึงก่อตั้ง UGG Holdings Inc.
ณ ปี 1994 ยอดขาย 80% ของ UGG อยู่ในเขตออเรนจ์เคาน์ตีทางตอนใต้ แต่บริษัทได้รับความสนใจจากนานาชาติหลังจากที่ทีมโอลิมปิกสหรัฐฯ ได้สวมใส่รองเท้าบูตนี้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1994
กระทั่งปี 1995 Deckers Brands ผู้ออกแบบและจัดจำหน่ายรองเท้าสัญชาติอเมริกันได้เข้าซื้อกิจการของสมิธในราคา 14.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขยายธุรกิจต่อเนื่องเรื่อยมา โดยยังคงใช้ชื่อ UGG
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 UGG เริ่มมียอดขายเติบโตปีละหลายสิบเปอร์เซ็นต์ เนื่องจาก Deckers ได้พัฒนาให้เป็นแบรนด์ระดับสากล
ทั้งนี้ นอกประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แบรนด์ UGG (ตัวพิมพ์ใหญ่) เป็นของ Deckers Brands และชื่อนี้ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในฐานะเครื่องหมายการค้า ผู้ผลิตในออสเตรเลียไม่สามารถใช้ชื่อ “ugg” นอกประเทศออสเตรเลียสำหรับการส่งออกได้
วิวัฒนาการสู่ปรากฏการณ์แฟชั่น
วิวัฒนาการของแบรนด์ UGG จากรองเท้าที่เน้นแค่การใช้งานได้จริงไปสู่สินค้าแฟชั่น เริ่มต้นหลังปี 2000 โดยเข้ามาสร้างความฮือฮาในโลกแฟชั่นของนิวยอร์ก พัฒนาจากรองเท้าบูตและรองเท้าแตะไปจนถึงสินค้าหรูหรามีสไตล์ที่ได้ขึ้นหน้านิตยสาร Vogue
ปี 2003 รองเท้าบูตของ UGG ได้ปรากฏโฉมในรายการของ Oprah's Favorite Things โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรชื่อดัง ซึ่งเธอได้ซื้อรองเท้ามากกว่า 350 คู่ให้กับทีมงานและผู้ชมของเธอ ทำให้หลังจากนั้น ยอดขายของแบรนด์พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
UGG ยังได้รับความนิยมจากเหล่าคนดังมากมาย ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกหลายคนมักสวมรองเท้าของแบรนด์นี้ออกสื่อ ไม่ว่าจะเป็น เบลค ไลฟ์ลี, คาเมรอน ดิแอซ, เจนนิเฟอร์ โลเปซ รวมถึงเลโอนาร์โด ดิคาปริโอ
ความสำเร็จแบบติดจรวดทำให้ในปี 2006 UGG สามารถเปิดร้านค้าแบบมีหน้าร้านแห่งแรกในย่านโซโหของนิวยอร์ก และในปีเดียวกันนั้นเอง บริษัทยังได้เปิดร้านค้าสาขาต่างประเทศแห่งแรกในญี่ปุ่นด้วย
เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นแบรนด์แฟชั่นมากขึ้น UGG ร่วมมือกับแบรนด์หรูสัญชาติอังกฤษ Jimmy Choo ในปี 2009 เพื่อเปิดตัวคอลเลกชันที่ผสมผสานสไตล์ของสองแบรนด์เข้าด้วยกัน ขณะที่ในปีต่อมาได้เปิดตัวคอลเลกชันรองเท้าบูตที่ออกแบบร่วมกับ Swarovski แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติออสเตรีย
บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาสำหรับผู้ชายครั้งแรกในปี 2011 โดยมี ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กของทีม New England Patriots เป็นพรีเซ็นเตอร์
UGG รายงานยอดขายมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในปี 2012 โดยผลิตภัณฑ์ของ UGG นั้นจัดหาหนังแกะดิบจากออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร และใช้โรงฟอกหนังในประเทศจีนเป็นหลักในการผลิต
UGG ได้นำภาพลักษณ์ไลฟ์สไตล์แบบสบาย ๆ ในแคลิฟอร์เนียมาผสมผสานกับความสะดวกสบาย ความหรูหรา และสไตล์ลำลอง โดยเริ่มขยายขอบเขตจากรองเท้าบูตไปสู่คอลเลกชันไลฟ์สไตล์เต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าสนีกเกอร์ รองเท้าแตะ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงของแต่งบ้าน
คอลเลกชันสินค้าตกแต่งบ้านของบริษัทเปิดตัวในปี 2013 ประกอบด้วยสินค้าต่าง ๆ เช่น พรม ผ้าห่ม หมอน ฯลฯ
UGG ยังขยายอิทธิพลผ่านป็อปคัลเจอร์ โดยได้ประกาศความร่วมมือกับ Pixar เปิดตัวคอลเลกชันที่คอลแลบกับภาพยนตร์เรื่อง Inside Out นอกจากนี้ มีความร่วมมือกับดิสนีย์ ผลิตรองเท้าบูตธีม มิกกี้เมาส์ มินนี่เมาส์ และทิงเกอร์เบลล์
กลยุทธ์ของ Deckers ได้นำความนุ่มสบาย ความอบอุ่น ผ่อนคลาย ของรองเท้าบูตอั๊กแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับความพรีเมียมจนเกิดเป็นสูตรความสำเร็จที่ยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ก้าวข้ามจากรองเท้าบูตธรรมดา ๆ ไปสู่การเป็นแบรนด์แฟชั่นที่โดดเด่น
รายงานปีงบประมาณ 2025 ของ Deckers ซึ่งสิ้นสุดในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า รายได้แบรนด์ UGG อยู่ที่ราว 2.52 พันล้านดอลลาร์ (ราว 8.13 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นมา 292 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 9.42 พันล้านบาท) หรือ 13.1% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า
นี่คือต้นกำเนิดของรองเท้าที่เป็นส่วนผสมของการใช้งานได้จริงกับแฟชั่นไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ไม่ว่าใครคงไม่คาดคิดว่า การเดินทางจากโรงตัดขนแกะและนักเล่นเซิร์ฟ จะวิวัฒนาการมาจนถึงชั้นวางสินค้าในร้านค้าปลีกระดับหรูได้ขนาดนี้
เรียบเรียงจาก (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) (9) (10) (11)
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB