“สเปกเตอร์” โรลส์-รอยซ์เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก คาดราคาเริ่มต้น 17 ลบ.
โรลส์-รอยซ์เปิดตัว “สเปกเตอร์ (Spectre)” รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 4.3 วินาที
โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ค่ายรถยนต์หรูจากอังกฤษ เปิดตัว “สเปกเตอร์ (Spectre)” รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ 120 ปีให้หลังจากที่ผู้ก่อตั้งเคยทำนายถึงอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ โดยชาร์ลส โรลส์ ผู้ร่วมก่อตั้งโรลส์-รอยซ์ เคยกล่าวไว้เมื่อปี 1900 ว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกที่สะอาดและเงียบ แทนที่เครื่องยนต์สันดาปภายใน หากมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับเพียงพอ
BMW i7 รถยนต์พลังไฟฟ้าเปิดตัว 3 รุ่นย่อย ราคา 7.59-8.59 ล้านบาท
โตโยต้า เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีกครั้ง หลังพบปัญหาใน 'Toyota bZ4X'
พิสูจน์ Haval H6 PHEV วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ 201 กม. จริงหรือ?
โรลส์-รอยซ์รุ่น “สเปกเตอร์” มีความยาวเกือบ 5.5 เมตร และหนักเกือบ 3 ตัน สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 4.3 วินาที และคาดว่าจะวิ่งได้ 520 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
แม้ว่าตัวเลขสมรรถนะนี้จะยังไม่เป็นที่ยืนยันจนกว่าบริษัทจะขับทดสอบเป็นระยะทางกว่า 2.5 ล้านกิโลเมตรเสร็จสิ้น แต่คาดว่าสมรรถนะของมันจะอยู่ระหว่าง Audi E-tron S และ Polestar 2 แต่จะด้อยกว่า Tesla Model S Plaid, Porsche Taycan, และ Lucid Air ซึ่งใช้เวลาเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ราว 2 วินาที
สำหรับเทคโนโลยีที่มากับรถรุ่น “สเปกเตอร์” ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ต่าง ๆ 18 ตัว ที่ควบคุมระบบรับแรงกระแทก การบังคับ เบรก และพลังงาน เพื่อทำให้รถมั่นคงขณะเข้าโค้ง บนทุกสภาพถนน ขณะที่การออกแบบยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของโรลส์-รอยซ์ โดยมีออปชันให้เลือกเพิ่มเติม
โรลส์-รอยซ์ ยังไม่เปิดเผยถึงราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกนี้ แต่บอกว่าวางรถรุ่นนี้ไว้ระหว่างรถเอสยูวีรุ่น “คัลลิแนน (Cullinan)” กับรถรุ่นคลาสสิก “แฟนทอม (Phantom)” ซึ่งทำให้ราคาน่าจะอยู่ระหว่าง 250,000–400,000 ปอนด์ (10.7 ล้าน–17.2 ล้านบาท) แต่ถ้าปรับแต่งหรือติดออปชันเพิ่มราคาก็จะสูงกว่านี้อีก
ทั้งนี้ ด้วยราคาวัสดุแบตเตอรี่ที่สูงขึ้นและต้นทุนโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างยานพาหนะใหม่ทั้งหมด จึงคาดการณ์กันว่า ราคาของสเปกเตอร์มีแนวโน้มที่จะอยู่ใกล้กับแฟนธอมมากกว่าคัลลิแนน หรือก็คือจะอยู่ที่ราว 17 ล้านบาท
คาดว่ารถรุ่น “สเปกเตอร์” ล็อตแรกจะส่งมอบให้ลูกค้าได้ภายในสิ้นปีหน้า นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะเลิกผลิตเครื่องยนต์รุ่น V12 และเปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2030