รู้จัก “สิว” 5 ชนิด เกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษาที่ถูกต้อง
ทำความรู้จัก “สิว” 5 ชนิด เกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษาที่ถูกต้องตามปัญหาผิว
สิวเป็นเรื่องที่พบได้ทั้งเพศหญิงและชาย เพราะเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ทุกคนก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนครั้งใหญ่ ทำให้หลายคนเป็นสิวนั่นเอง แต่อาการจะมากหรือน้อยแตกต่างกันไป เพราะปัจจัยการเกิดสิวมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต่างกัน
แน่นอนว่าหากใครกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้หน้ากระจ่างใส สิ่งแรกที่จะต้องทำคือการรู้จักประเภทของสิวที่เรากำลังเป็นอยู่ เพราะสิวแต่ละประเภทต้องการแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันออกไป
“ทำไมสิวถึงชอบขึ้นวันสำคัญนัก” แนะวิธีรับมือสิวตัวการหน้าพัง
"สิวหน้ากาก" ต่างจากสิวทั่วไป แนะวิธีดูแลผิวใสไร้ปัญหา
รู้จัก “สิว”
สิว คือ การอักเสบของหน่วยรูขุมขนและต่อมไขมัน มักพบบริเวณใบหน้า คอ และลำตัวส่วนบน (อกและหลัง) ซึ่งมีต่อมไขมันขนาดใหญ่หนาแน่น
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว เริ่มตั้งแต่ปัจจัยภายใน คือ กรรมพันธุ์ เพศ วัย รวมทั้งฮอร์โมน โรคเรื้อรัง ทั้งยังมีปัจจัยภายนอก เช่น การใช้ยา ครีม เครื่องสำอางบางชนิด อาหาร แสงแดด อุณหภูมิ และสภาพแวดล้อม
ชนิดของสิว
สิวมีอยู่ 5 ประเภทหลัก ๆ แบ่งตามระดับความรุนแรง ดังนี้
1.) สิวหัวดำ (Blackheads)
สิวหัวดำ เกิดจากไขมัน แบคทีเรีย และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว สะสมอยู่ในรูขุมขน ยิ่งเรามีน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วมากเท่าไร และเมื่อสัมผัสกับมลภาวะ จะเกิดออกซิไดซ์บนผิวหนังและเกิดเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีดำ ขึ้นบนบริเวณทีโซน คือ บริเวณมุมปาก รอบดวงตา คาง และมุมปีกจมูก เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีน้ำมันและแบคทีเรียสะสมมาก
อย่างไรก็ตามก็สามารถพบสิวชนิดนี้ได้ที่ คาง หลัง และหน้าอกได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะผิวพรรณของแต่ละคน เช่น ผู้ชายอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวหัวดำมากกว่าในบริเวณที่โกนหนวด ขณะที่คนอื่นอาจพบสิวหัวดำบริเวณปีกจมูก
วิธีการรักษาสิวหัวดำ แนะนำให้ใช้ยาทาสิวที่มีส่วนประกอบของ “เรตินอยด์” เพราะจะช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนได้ แต่ยานี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวแห้ง ดังนั้นหากใครที่ใช้แล้วผิวแห้ง อาจเปลี่ยนมาใช้ยาทาสิวที่มีส่วนประกอบของ “กรดซาลิไซลิก” ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อทายาสิวเหล่านี้แล้ว ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงควบคู่ไปด้วย
2.) สิวหัวขาว (Whitehead)
ปกติแล้วสิวหัวขาวจะเป็นสีแดงที่ฐาน และมีหัวที่เต็มไปด้วยหนองเล็กน้อย เป็นที่ยอมรับกันว่าล่อตาล่อใจให้บีบสิวกันมาก ซึ่งสิวหัวขาวเป็นสิวอุดตันประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับสิวอุดตัน แต่สิวหัวขาวเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เติบโตมากเกินไปจนอักเสบขึ้นและประมาณ 75% ของสิวหัวขาวจะต่อยอดกลายเป็นสิวอักเสบหรือซีสต์ ได้ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลานานกว่าในการที่หัวสิวจะหลุดออกมา จึงอาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อสิวภายในได้
ส่วนวิธีการรักษาสิวหัวขาว แนะนำให้ใช้ยาทาที่มีส่วนประกอบของ “เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์”, “เรตินอยด์” หรือ “กรดซาลิไซลิก” และแน่นอนว่าให้ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงควบคู่ไปด้วย
3.) สิวผื่นนูน (Papules)
เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง ที่พัฒนามาจากไขมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันรูขุมขน แตกต่างจากสิวหัวดำและสิวหัวขาวตรงที่ สิวชนิดนี้จะเป็นของแข็ง ไม่มีหนอง และสามารถเป็นได้ทั้งสีแดง สีเหนือ หรือสีน้ำตาล
สำหรับวิธีการรักษาสิวแบบตุ่ม จะต้องให้ความสำคัญกับการลดเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบ และการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง ดังนั้นยาทาที่มีส่วนประกอบของ “เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์” คือคำตอบที่ดีที่สุด แต่หากสิวของเรารุนแรงในระดับปานกลางหรือรุนแรงมากขึ้น แพทย์อาจสั่งยาที่มีประกอบของ “คลินดามัยซิน” คู่กันไปด้วย
4.) สิวตุ่มหนอง (Pustle)
เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง ที่จะมีหัวหนองอยู่บริเวณกลางตุ่ม แตกต่างตรงสิวผื่นนูนตรงที่ไม่แข็ง และมีหนอง เนื่องจากตุ่มหนองมักมาพร้อมกับการอักเสบที่มากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเป็นแผลเป็นได้ง่าย
แนะนำว่าถ้ามีสิวประเภทนี้จำนวนมากควรไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้คุณหมอจ่ายยากลุ่มเรตินอยด์ที่ต้องสั่งโดยแพทย์เท่านั้น รวมถึงยาทานปฏิชีวนะ หรือการรักษาด้วยฮอร์โมนเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง
5.) สิวหัวช้าง (Cyst)
สิวหัวช้างเป็นสิวที่ใหญ่และเจ็บปวดที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ แข็งเป็นไต เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนัง จนกลายเป็นหนองจับตัวเป็นถุงซีสต์ขนาดใหญ่ในชั้นผิว ไม่มีสิวหัวหนองโผล่ให้เห็น พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ และกลุ่มผู้หญิง บริเวณส่วนล่างของใบหน้า อาทิ ขมับ คาง และคอส่วนบน
สำหรับวิธีการรักษานั้น แม้ว่ายาทาที่มีส่วนประกอบของ “เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์” หรือ “เรตินอยด์” จะช่วยรักษาสิวได้ แต่ทางที่ดีที่สุดควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาสิวหัวช้างอย่างถูกวิธี ซึ่งแพทย์มักจะจ่ายยาทานปฏิชีวนะหรือยาควบคุมฮอร์โมนให้ด้วย เพื่อป้องกันการเกิดหลุมสิวและเกิดรอยดำขนาดใหญ่ ซึ่งสิวนูนแดงขนาดใหญ่มักทิ้งรอยเอาไว้
ระดับความรุนแรงของสิว
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย จำแนกความรุนแรงของสิวออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- สิวเล็กน้อย : หัวสิวไม่อักเสบป็นส่วนใหญ่ หรือ มีสิวอักเสบ (papule/pustule) ไม่เกิน 10 จุด
- สิวปานกลาง : มี papule/pustule ขนาดเล็กมากกว่า 10 จุด และ/หรือ มี nodule น้อยกว่า 5 จุด
- สิวรุนแรง : มี papule/pustule จำนวนมาก หรือมี nodule/cyst เป็นจำนวนมาก หรือมี nodule อักเสบอยู่นานและกลับเป็นซ้ำหรือมีหนองไหล
การรักษาสิว
การรักษาสิว อาจเริ่มตั้งแต่การใช้ยาทาบริเวณที่เกิดสิว ร่วมกับการรับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในคนที่เป็นสิวปานกลางและสิวรุนแรงอาจมีการใช้การรักษาเสริม เช่น กด/ฉีดสิว, การใช้แสงเลเซอร์ หรือการฉายแสงแดง/น้ำเงิน ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและควบคุมความมัน
สิวหัวดำและสิวหัวขาวเป็นสิวพื้นฐานที่นำไปสู่สิวอื่น ๆ ทั้งหมด แม้แต่สิวเล็ก ๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นซีสต์ได้ ส่งผลให้เกิดแผลเป็นและรอยคล้ำตามมา ดังนั้นเราควรรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ แม้จะเป็นสิวชนิดที่ไม่รุนแรงก็ตาม และในการรักษาสิวทุกประเภทและทุกวิธีนั้น ขอให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุด เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดกับการดูแลสภาพผิวของแต่ละคน เพราะหากขาดการดูแลที่ดี อาจสร้างรอยแผลเป็นบริเวณที่เกิดสิว ซึ่งมาแก้ไขภายหลังได้ยาก
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท, สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย และ Marie Claire
อายุน้อยก็เสี่ยง! รู้จัก “โรคเก๊าต์” ปวดบวมตามข้อเลี่ยงได้แค่กินให้ถูก
รู้จัก“ฮอร์โมนอิ่ม”ตัวการความอ้วนรับมือง่ายเพียงปรับพฤติกรรม