ทริคไม่ลับ 10 วิธีกินของหวานฉลองเทศกาลอย่างไรไม่ให้อ้วน
ในวันคริสต์มาส หรือ วันปีใหม่ หลาย ๆ คน ต่างก็เฉลิมฉลองด้วยการรับประทานอาหารร่วมกัน โดยมีคาวก็ต้องมีหวาน และคนมักจะกังวลในการทานของหวานว่าจะอ้วน ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถทานได้ แค่ต้องรู้วิธี
ของหวานที่มีส่วนประกอบจากน้ำตาลเป็นศัตรูตัวฉกาจของคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ซึ่งยังก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมากมาย แต่ฉลองคริสต์มาสทั้งทีก็ต้องอยากกินของหวานเป็นธรรมดาแต่ดันกลัวอ้วน วันนี้ทีมข่าวนิวมีเดียพีพีทีวีได้รวบรวม 10 วิธีการทานหวานอย่างไรให้ไม่อ้วนเอามาฝากกัน
- ทานเป็นของว่าง (บ่าย 2 – 4 โมงเย็น) ควรทานหลังทานอาหารมื้อหลักไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวน้ำตาลในเลือดได้กลับมาสู่ระดับปกติ
เปิดกลไกร่างกาย สาเหตุที่คนชอบกิน “ของหวาน” กินเท่าไร ก็ไม่เบื่อ
สธ.เผยแนวโน้มเด็กไทยติดเครื่องดื่มรสหวาน แนะโรงเรียนจัดเครื่อมดื่มทางเลือกสุขภาพ
แม้ว่าเราจะทานของหวานในช่วงเวลานั้นระดับน้ำตาลในเลือดก็จะไม่เพิ่มกะทันหัน ถือเป็นวิธีการที่เหมาะมาก ๆ สำหรับใครที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่อย่างไรก็ตาม การทานของหวานในช่วงเวลาดังกล่าวยังคงขึ้นอยู่กับปริมาณของหวานที่ทานด้วย
- รู้ปริมาณแคลอรี่ก่อนทานควรอ่านปริมาณแคลอรี่ในขนม โดยดูข้อมูลโภชนาการบนฉลากหรือข้างกล่อง เพื่อที่จะได้คำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ควรบริโภคในแต่ะวัน และหากเป็นไปได้ควรเลือกซื้อขนมชนิดที่มีไขมันประกอบอยู่น้อยที่สุด
- กำหนดปริมาณ รสชาติของหวานแสนอร่อย เมื่อได้ลิ้มลองแล้วอาจจะหยุดไม่ได้จนทานมากเกินไป เพราะฉะนั้นควรกำหนดปริมาณ หรือลดปริมาณของหวานลงครึ่งหนึ่ง เช่น แบ่งออกจากถุงใหญ่ออกใส่จาน กำหนดตัวเองว่าจะทานเท่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทานเพลิน รู้ตัวอีกทีหมดถุงเสียแล้ว
- ลดแคลอรี่การตัดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนทาน ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่เราทานเข้าไป เช่น เกลี่ยน้ำตาลไอซิ่งที่โรยหน้าขนมปังออก หรือไม่ใส่กะทิในขนมหวาน จะลดพลังงานได้ถึง 81- 150 แคลอรี่ หรือเกลี่ยครีมหน้าขนมเค้กออก ก็สามารถลดพลังงานได้ถึง 160 แคลอรี่เลยทีเดียว
- อย่าทานของหวานคนเดียวหลายคนมักจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่เวลาที่ไปทานของหวานคนเดียว เพราะอันนั้นก็อยากชิม อันนี้ก็ชอบ พอสั่งมาหลาย ๆ อย่าง แล้วทานไม่หมดก็เสียดาย ฉะนั้นตัดปัญหาด้วยการชวนเพื่อนมาทานด้วย ทีนี้ก็ไม่ต้องเสียดายและทานคนเดียวจนหมดแล้วมานั่งกลุ้มใจทีหลัง
- ทานผลไม้แทนขนมหวานถ้าหากใครที่อยากทานหวาน ผลไม้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เพราะผลไม้บางชนิดมีความหวานไม่แพ้กับขนมหวานเลย ถ้าเราทานผลไม้ให้มากขึ้น ความอยากของหวานก็จะลดลงไปเอง นอกจากนี้ผลไม้ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย
- ใช้ช้อนชาตักของหวานเพื่อให้เราทานของหวานคำเล็กลง และช้าลง เมื่อเราตักขนมเข้าปากแต่ละคำให้เคี้ยวช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด เคี้ยวให้นานที่สุด เพื่อให้กระเพาะและตับไตไส้พุงทำงานกะมันน้อยที่สุด ย่อยสลายได้เร็วที่สุด ทำเช่นเดียวกันทุกคำ และถ้าได้กินพร้อมกับน้ำชาก็ยิ่งดี เพราะจะทำให้รู้สึกว่าอิ่มเร็ว
"เค้ก-คุกกี้" ขนมยอดฮิต! ปาร์ตี้ปีใหม่ เสี่ยงอ้วนลงพุง
- ชาเขียวร้อนหลังมื้อขนม เมื่อเราทานของหวานเรียบร้อยแล้ว ให้ตามด้วยชาเขียวร้อนซักแก้ว จิบหลังมื้อขนมหวาน หรือมื้อว่างระหว่างวัน ชาเขียวจะช่วยเผาผลาญไขมันและช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้อย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และสบายท้องอีกด้วย
- เดินเล่นหลังทานของหวาน 15 นาที อีกหนึ่งวิธีที่เราไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือ หลังกินขนมหวานเสร็จแล้ว อย่านั่งอยู่กับที่ ควรออกไปเดินเล่นซักประมาณ 15 นาที วิธีนี้นอกจากจะช่วยย่อยแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันมาสะสมที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกได้อีกด้วย
- งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น ถ้าวันนี้เราทานขนมหวานไปแล้ว วันรุ่งขึ้น เราควรงดแป้งและน้ำตาลให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อชดเชยของหวานที่เราได้ทานไป เช่น มื้อเช้าและกลางวัน ควรเน้นกินผักประมาณ 80% และโปรตีน 20% ส่วนมื้อเย็นก็ให้กินผัก ผลไม้ และดื่มน้ำเปล่า เป็นต้น
หากมีสติในการกิน สุขภาพที่ดีก็จะอยู่กับเราทุกเทศกาลแน่นอนค่ะ ^^
แนะ 4 เทคนิคการกินของทอด แบบอร่อยสุขภาพดีไม่มีอ้วน
วิจัยพบ “ชาเขียว” ต้านอนุมูลอิสระลดการอักเสบบรรเทาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์