“ลมในท้องเยอะ” ท้องอืด เรอ ผายลมบ่อย อาจเป็นสัญญาณโรคระบบทางเดินอาหาร
ต้องยอมรับว่า การใช้ชีวิตในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปทั้งการกิน การนอนและความเครียดสะสม ส่งผลให้หลายคนมีข้ออ้างในการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้นเพราะไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ทำให้หลายคนมีภาวะท้องอืดบ่อย เรอเก่ง ผายลมไม่หยุด อาจเป็นสัญญาณของโรคระบบทางเดินอาหารได้
ระบบทางเดินอาหารของคนเรา นับตั้งแต่ช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก รวมถึงอวัยวะที่ช่วยผลิตน้ำย่อย ได้แก่ ตับและถุงน้ำดี เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง ระบบทางเดินอาหารก็จะเริ่มแสดงอาการต่างๆ เช่น อาการท้องเฟ้อ เรอ ผายลม ซึ่งไม่ได้รุนแรง แต่ก็อาจรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างยิ่ง และอาจจะกลายเป็นสัญญาณเตือนโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น
- โรคแผลในกระเพาะอาหาร
- กระเพาะอาหารอักเสบ
- พยาธิในทางเดินอาหาร
- โรคกรดไหลย้อน
- มะเร็งกระเพาะอาหาร
อาหารช่วยย่อย อุดมเอนไซม์ ลดอาการท้องอืดซ่อมแซมลำไส้ให้สมดุล
วิธีแก้ท้องอืดปรับสมดุลลำไส้ ปล่อยทิ้งไว้นานอาจเป็นสัญญาณโรคมะเร็ง
รู้จักอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คือภาวะอาหารไม่ย่อย (Dyspepsia) ซึ่งพบบ่อยมากถึง 25% ของคนทั่วไป จะทำให้รู้สึกปวดท้องช่วงบน เนื่องจากระบบการย่อยไม่ปกติ ส่งผลให้ท้องอืด จุกเสียดแน่นท้องและอึดอัด ไม่สบายตัว โดยอาการมักดีขึ้นและหายได้เอง หรือบางคนอาจมีอาการเรื้อรังจนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ สาเหตุมากกว่า 50% ไม่สามารถระบุสาเหตุของภาวะท้องอืดท้องเฟ้อได้ แพทย์จะให้การรักษาด้วยการรับประทานยา รวมถึงปรับเปลี่ยนอาหารและพฤติกรรม
หากพบว่ามีอาการนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ รับประทานยาแล้วไม่ดีขึ้น รวมถึงเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด ตัวเหลือง อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายอื่นๆ ซึ่งต้องมีการตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียด
ท้องอืดท้องเฟ้ออาจมาสาเหตุและปัจจัยอื่นๆ
- โรคประจำตัว ภาวะอาหารไม่ย่อยอาจเกิดจากผลข้างเคียงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ กระเพาะเป็นแผล การติดเชื้อพยาธิ มะเร็งทางเดินอาหาร
- โรคลำไส้แปรปรวน หรือเป็นการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้
- โรคไทรอยด์
- โรคเบาหวาน
รู้หรือไม่ ? ผักผลไม้ที่มีเส้นใยมาก หากรับประทานมากเกินอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้นอกจากนี้ อาหารเผ็ด แอลกอฮอล์ อาหารไขมันสูง นมและกาแฟ และพฤติกรรมการรับประทานก็มีผลทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อได้เช่นกัน โดยเฉพาะการรับประทานอาหารเร็วเกินไป เคี้ยวน้อยและรับประทานอาหารมากเกินไป
อาการเรอ เป็นการขับลมจากกระเพาะอาหาร ผ่านหลอดอาหารออกมาทางปาก อาจมีแค่เสียง หรือเรอออกมาพร้อมกลิ่นอาหาร เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเร็วและมากเกินจำเป็น อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคระบบทางเดินอาหารบางชนิด โดยเฉพาะเรอเปรี้ยว ขมปากและมีอาการแสบร้อนกลางอก อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคกรดไหลย้อน ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกช่วงวัยและกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น มีน้ำหนักมาก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ
สาเหตุของอาการเรอ
- มีลมในกระเพาะอาหารมาก ทำให้กระเพาะอาหารพองตัวและขับลมออกมา ซึ่งการเกิดลม หรือแก๊สในกระเพาะ ที่เกิดจากการกลืนลมหรืออากาศโดยไม่รู้ตัว เช่น รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มเร็วเกินไป พูดคุยระหว่างมื้ออาหาร การสูบบุหรี่ รวมทั้งรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น อาหารไขมันและคาร์โบรไฮเดรทสูง ยีสต์ ถั่วชนิดต่างๆ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์
- โรคประจำตัว เช่นโรคกรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะ นอกจากนี้อาการเรอบ่อยอาจมาจากโรคอื่นๆ เช่น โรคตับอ่อน ที่ไม่สามารถผลิตน้ำย่อยออกมาย่อยอาหาร
- ความเครียด ภาวะความกดดันสูง ความวิตกกังวล หรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
ตด หรือ ผายลม
เป็นการปล่อยแก๊สในลำไส้ออกทางทวารหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการสะสมในระบบย่อย อาจมีเฉพาะเสียง กลิ่น หรือทั้งสองอย่าง ทางการแพทย์ระบุว่ามนุษย์ต้องตดเฉลี่ยวันละ 10-20 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติเป็นการระบายแก๊สที่สะสมอยู่ในร่างกายที่อาจส่งผลให้ท้องอืด แต่หากมีกลิ่นและเสียงผิดปกติ หรือเกิดขึ้นพร้อมกับอาการทางเดินอาหารอื่นๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบการย่อยมีความผิดปกติ หรืออาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ
สาเหตุของการผายลม
- อาหารบางชนิดที่ทำให้เกิดแก๊สมาก เช่น อาหารโปรตีนสูง เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว น้ำอัดลมและแอลกอฮอล์ สำหรับอาหารที่ทำให้ตดมีกลิ่นรุนแรง เช่น คะน้า กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่งและผักที่มีกลิ่นแรง
- การกลืนอากาศระหว่างการเคี้ยวอาหาร หายใจ สูบบุหรี่
- โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ
- อาหารไม่ย่อย กินอาหารในปริมาณมากและเร็วเกินไป
- ลมในท้องเยอะ
“มะเร็งกระเพาะอาหาร” อาหารไม่ย่อย-ท้องอืด สัญญาณเล็กๆ หากมองข้ามอาจลุกลาม
วิธีป้องกันปัญหาท้องเฟ้อ เรอบ่อย แน่นท้อง
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊ส เช่น อาหารไขมันสูง ย่อยยาก ถั่ว และผักตระกูลกะหล่ำ รวมถึงกาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารแต่ละครั้งไม่มากเกินไป
- ลดการพูดคุยในระหว่างมื้ออาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ หรืออาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้
- ไม่รีบรับประทานอาหารและเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
- หลีกเลี่ยงการล้มตัวลงนอน หรืออยู่ในท่าก้มงอตัว หรือรัดเข็มขัดแน่นเกินไป หลังรับประทานอาหาร
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากต้องทำงานแบบนั่งโต๊ะเป็นประจำ
- งดสูบบุหรี่
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากพบว่าสาเหตุของอาการดังกล่าวมาจากยา
- หากพบปัญหาท้องเฟ้อ เรอ ผายลม ที่ผิดปกติหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แสบร้อนกลางอก ปวดเกร็งท้อง เจ็บหน้าอก ถ่ายเป็นเลือด ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
ภาวะท้องเฟ้อ เรอ ตด จะเป็นเพียงอาการ ซึ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากพบความผิดปกติร่วมกับอาการอื่นๆ อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ในระบบทางเดินอาหาร หรืออาจพัฒนาไปสู่โรคอื่นๆ ได้ ดังนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช
“โรคกระเพาะอาหาร”ปวดท้องแบบไหน อาการใดบอกความรุนแรง รู้ก่อนเป็นแผลทะลุ
ท้องผูกบ่อย 1 ใน 5 สัญญาณมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งอันดับต้นที่คนไทยเสียชีวิต