บอกลา “ออฟฟิศซินโดรม”ปัญหากวนใจวัยทำงาน ด้วยกายภาพบำบัด
โรคยอดฮิตของคนวัยทำงานในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้น ‘โรคออฟฟิศซินโดรม’ ซึ่งนับวันอัตราผู้ป่วยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราจึงนำ ความรู้เกี่ยวกับโรคออฟฟิศซินโดรม มาบอกกัน เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน รู้ทันอาการ และรีบรักษาก่อนลุกลาม
โรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) หรือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial pain syndrome) เป็นผลมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น (Tendinitis) หรือเป็นอาการชาจากปลายประสาทที่ถูกกดทับนานๆ มักพบบ่อยในผู้ที่ต้องทำกิจกรรมอยู่กับที่เป็นเวลานาน เช่น พนักงานออฟฟิศ ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา หรือผู้หญิงที่ต้องใส่ส้นสูงยืนทั้งวัน
สาเหตุของโรคออฟฟิศซินโดรม
- ท่าทางการนั่ง ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้ที่นั่งทำงานผิดท่าเป็นเวลานาน การวางมือ วางศอกบนโต๊ะในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง หรือการใช้ข้อมือซ้ำๆ จากการใช้เมาส์ ซึ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณข้อมือได้
- สิ่งแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น ระดับหน้าจอคอม ระยะห่างจากจอกับดวงตา หรือแม้แต่แสงสว่างภายในห้องก็มีผลทำให้ท่าทางการนั่งผิดไปหรือไม่เหมาะสม
อาการแบบไหน เข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม?
- ปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า ไหล่ หรือสะบัก โดยจะปวดแบบกว้างๆ ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ปวดได้ชัดเจน ซึ่งเมื่อมีอาการมักจะเป็นเรื้อรังไม่หายขาด
- ปวดหลัง ปวดเมื่อยต้นคอ แบบมีอาการยึดเกร็งอยู่ตลอดเวลา
- ปวดตึงบริเวณขา หรือมีอาการเหน็บชาที่ขา
- มีอาการมือชา แขนชา นิ้วล็อก หรือปวดข้อมือ รวมถึงอาการอ่อนแรง
- เหงื่อออก วูบ ตาพร่า หูอื้อ หรือมึนงง ร่วมกับอาการข้างต้น
- มีอาการปวดร้าวไปยังส่วนต่างๆ เช่น ปวดร้าวขึ้นศีรษะ ปวดร้าวไปที่ไหล่ แขน หรือขา โดยจะสัมพันธ์กับท่าทางของเรา
8 ความเชื่อผิดๆ แก้อาการปวดหลังด้วยตัวเอง ที่อาจทำให้อาการแย่ลง
ออฟฟิศซินโดรม สามารถรักษาและบรรเทาได้ด้วยการทำกายภาพบำบัด ทั้งนี้ก่อนเริ่มกระบวนการรักษาฟื้นฟูนั้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัยให้ทราบสาเหตุและความรุนแรงของอาการ ซึ่งแพทย์จะวางแผนการรักษาให้อย่างเหมาะสม ควบคู่กับการดูแล และจะมีการประเมินสุขภาพ
การรักษาออฟฟิศซินโดรม ด้วยการทำกายภาพบำบัด
- อัลตราซาวด์บำบัด (Therapeutic Ultrasound) เป็นการรักษาด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ที่ให้ความร้อนลึก ใช้ลดอาการปวด ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อในชั้นลึก และช่วยเร่งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รวมทั้งคลายการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
- การรักษาด้วยแผ่นประคบร้อน (Hot pack) เป็นรูปแบบการรักษาผ่านการนำความร้อนของแผ่นประคบร้อน (Hot pack) ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดภายใต้ผิวหนัง ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
- การนวดด้วยเทคนิคทางกายภาพบำบัด (Manual therapy) เป็นการทำกายภาพบำบัดด้วยมือ เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดอาการเจ็บปวด และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกาย ประกอบด้วย massage และ mobilization การออกกำลังกายและการยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) โดยนักกายภาพบำบัดการยืดกล้ามเนื้อ (stretching ) เพื่อลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อจะช่วยลดปวด และเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวข้อต่อ
ทั้งนี้เมื่อมีอาการปวด เมื่อย เกร็ง จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำงาน เราไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะการปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา จะทำให้อาการหรือโรคลุกลามบานปลายจนรักษายากขึ้น หรือบางครั้งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล
โรคไต-วัณโรคกระดูก อาการ “ปวดหลัง” เป็นสัญญาณเตือน เช็ก!ปวดแบบไหนควรพบแพทย์
ปวดหลังเหมือนไฟฟ้าช็อต-ร้าวไปทั้งหลัง ใช่สัญญาณบอกโรคหรือไม่?