รู้หรือไม่? แค่"นอนกรน" ก็เสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนปกติ 34%
ทำความเข้าใจ! ทำไมการนอนกรน...ถึงทำให้เสี่ยง “โรคหลอดเลือดหัวใจ”จาก“ภาวะทางเดินหายใจส่วนบนอุดกั้นขณะหลับ” ได้มากกว่าคนปกติ 34 %
"นอนกรน" อาจไม่ใช่แค่สัญญาณเตือนว่าคุณหรือคนข้าง ๆ กำลังเหนื่อย แต่นั้นคือสัญญาณของความผิดปกติของระบบหายใจที่อาจก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ในอนาคต เพราะฉะนั้น หากคนข้างๆ ของคุณชอบนอนกรน หรือตัวคุณเองที่นอนกรน มาประเมินเบื้องต้นดูหน่อยไหม... ว่าคุณอยู่ในระดับรุนแรงที่ควรไปพบแพทย์และต้องรักษาหรือไม่
แค่นอนกรน...ถึงทำให้เสี่ยง “โรคหลอดเลือดหัวใจ” ได้ ?
นอนกรน-หลับไม่สนิท สัญญาณ “หยุดหายใจขณะนอนหลับ” อันตรายถึงชีวิต
"กรดไหลย้อน" ไม่ควรนอนตะแคงขวา เสี่ยงอาการกำเริบ!!!
ในเรื่องนี้ทางการแพทย์ได้อธิบายไว้ว่า การนอนกรน อาจไม่ได้ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจโดยตรง แต่สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อ “ภาวะทางเดินหายใจส่วนบนอุดกั้นขณะหลับ” ซึ่งเป็นภาวะที่นำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเซมเมลไวส์ ประเทศฮังการี ที่พบว่า คนที่นอนกรนเสียงดังและมีลักษณะการหยุดหายใจเป็นพักๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีอาการนอนกรน
นอนกรนแบบไหน เป็นสัญญาณเสี่ยง “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ”
- ระดับเสียงของการกรนค่อนข้างดัง
-
สะดุ้งตื่นบ่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว (แต่รู้ได้จากคำบอกเล่าของคนที่นอนด้วย)
-
ง่วงนอนมากในตอนกลางวัน และมักหลับโดยไมรู้ตัว
-
เมื่อตื่นนอนจะรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งมาก เพราะอ้าปากหายใจขณะหลับ
-
ชอบปวดศีรษะในตอนเช้า และส่งผลต่อความจำ สมาธิสั้น ขาดสมาธิ
-
อารมณ์แปรปรวนง่าย และซึมเศร้าง่าย
“นอนกรน” รู้ตัว รักษาได้ เพิ่มคุณภาพการหลับให้สมองแจ่มใส ลดโรค
ไม่เพียงแค่การนอนกรนอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต แต่ในผู้ป่วยโรคหัวใจเองก็อาจมีอาการนอนกรนร่วมด้วยได้ ซึ่งจะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงกว่าผู้ป่วยโรคหัวใจที่ไม่มีอาการนอนกรน เพราะฉะนั้น หากสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้ อีกทั้งคนข้างๆเองก็ไม่ควรละเลยสัญญาณเตือนดังกล่าว ไม่ว่าจะมีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่หรือไม่? ควรมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล
นอนท่าไหนดีที่สุด? ลดอาการปวดเมื่อย-นอนกรน ดีต่อหัวใจ
วิทยาศาสตร์ชี้ปัญหาการนอน อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ 5 เท่า