เทียบ3สายพันธุ์โควิดในไทย ติด'โอมิครอน'แล้วมีอาการอย่างไร?
เปรียบเทียบอาการโควิด-19 สามสายพันธุ์หลักที่พบในไทย อาการแตกต่างกันอย่างไร
โรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ได้แพร่ระบาดในไทยมานานกว่า 3 ปี ซึ่งมีการวิวัฒนาการเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์ต่างๆ มาโดยตลอด ในปัจจุบันจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64- 18 มี.ค.65 พบว่าขณะนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 99.95% หรือเกือบ 100% สัดส่วน BA.2 มากที่สุดถึง 78.5% และ BA.1 อยู่ที่ 21.5% นับว่าแทบทุกพื้นที่ส่วนใหญ่เป็น BA.2 แล้ว จากข้อมูล 13 เขตสุขภาพ
โควิดBa.1+Ba.2 ลูกผสมตัวใหม่น่าจับตายิ่งกว่าเดลตาครอน
"เช็ก 5 อาการโอมิครอน" ที่แพทย์ตรวจพบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด
ถึงแม้จะเป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนกัน แต่อาการสำคัญเมื่อติดเชื้อแต่ละสายพันธุ์จะมีความต่างอยู่บ้าง ข้อมูลดังนี้
1.โควิดสายพันธุ์ S (Serine) หรือ สายพันธุ์อู่ฮั่น เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยระบาดระลอกแรกในไทยเดือนมีนาคม 2563
อาการสายพันธุ์ S ที่พบได้บ่อย
- มีไข้ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป
- ไอแห้ง ไอต่อเนื่อง
- หายใจลำบาก
- หอบเหนื่อย
- อ่อนเพลีย
- การรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ
2.โควิดสายพันธุ์เดลต้า สายพันธุ์ที่มีการระบาดครั้งแรกในประเทศอินเดีย
อาการเดลต้าที่พบได้บ่อย
- ปวดศรีษะ
- เจ็บคอ
- มีน้ำมูก
- อาการคล้ายเป็นหวัด
- ไม่มีอาการรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ
3.โควิดสายพันธุ์ โอมิครอน ถูกพบครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้ ก่อนระบาดหนักกลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลก
อาการโอมิครอนที่พบได้บ่อย
- ไอ
- เจ็บคอ
- มีไข้ หนาวสั่น
- ปวดกล้ามเนื้อ
- เหนื่อยล้า
- มีน้ำมูก
- ปวดศรีษะ
- หายใจลำบาก
- ได้กลิ่นหรือรับรสได้ลดลง
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 5-11 มีนาคม 2565 พบสายพันธุ์เดลตาเพียง 6 ราย คิดเป็น 0.3% สายพันธุ์โอมิครอน 1,961 ราย เป็นคิดเป็น 99.7% และเมื่อจำแนกสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน พบเป็น BA.1 จำนวน 610 ราย คิดเป็น 32% และ BA.2 จำนวน 1,272 ราย คิดเป็น 68% เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่พบ 52%
โดย BA.2 แพร่เชื้อเร็วกว่า BA.1 ประมาณ 1.4 เท่า แต่ยังไม่พบความรุนแรงที่แตกต่างหรือมากไปกว่าสายพันธุ์ BA.1 แต่อย่างใด ซึ่งการรักษาด้วยวิธีในปัจจุบันยังได้ผลเหมือนเดิม
นอกจากนี้ BA.2 ยังมีการแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยอีก 3 สายพันธุ์ คือ BA.2.1 , BA.2.2 และ BA.2.3 โดย BA.2.2 มีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามตำแหน่ง I1221T (S:I1221T) มีรายงานพบมากที่ฮ่องกงและพบได้บ้างที่อังกฤษ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นในฮ่องกง
ไขข้อสงสัย ผู้ป่วยมะเร็งควรฉีดวัคซีนโควิด-19อย่างไร
เปิดข้อแตกต่าง“ไข้เลือดออก-โควิด” เช็กอาการให้ชัวร์ป่วยเป็นโรคไหน
ขณะที่ประเทศไทยพบ 4 ราย ที่มีโอกาสเป็นสายพันธุ์ BA.2.2 โดยเป็นต่างชาติ 1 ราย และคนไทย 3 ราย แต่รายละเอียดต่างๆ ยังอยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามความสามารถในการแพร่เชื้อ ความรุนแรง หรือความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อหรือวัคซีน ยังไม่พบสัญญาณที่น่ากังวล
ทั้งนี้ โอมิครอน คุณสมบัติหลบภูมิค่อนข้างดี แม้เคยป่วยโควิด-19 มาก่อนแล้วก็สามารถติดเชื้อซ้ำได้ หากได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม แล้วควรได้รับเข็มกระตุ้น ซึ่งสามารถป้องกันอาการหนักได้
ข้อแตกต่างเมื่อเทียบกับอาการไข้หวัด
มีไข้ตัวร้อน
ไข้หวัดธรรมดาและโควิด-19 เมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสจะเกิดการต่อสู้ทำให้มีไข้สูงขึ้นได้ หากตรวจวัดอุณหภูมิ 37.8 องศาเซลเซียส ให้ถือว่าเข้าข่ายและควรตรวจหาเชื้อโควิด-19 เบื้องต้น
ไอ เจ็บคอ
- ไข้หวัด มักจะมีอาการไม่รุนแรง อาการจะค่อยๆเกิดขึ้น
- โควิด-19 จะไอตลอดเวลา หรือไอหนักเป็นเวลานานมากกว่า 1 ชั่วโมง มีอาการเจ็บคอมาก
น้ำมูกไหล
- ไข้หวัดธรรมดามักจะมาพร้อมอาการน้ำมูกไหล
- โควิด-19 มีรายงานว่าเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่อาการหลักของการติดเชื้อ
จมูกไม่กลิ่น ลิ้นไม่รับรส
- ไข้หวัดหากไม่เป็นร่วมกับภูมิแพ้ มักจะไม่พบอาการดังกล่าว
- โควิด-19 อาการหลักของการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ เมื่อมีอาการควรเข้ารับการตรวจในทันที
หากมีความกังวล สามารถเช็กประวัติสัมผัสเสี่ยงผู้ป่วยโควิดในระยะ 7-10 วัน และทำการตรวจ ATK ด้วยตนเอง หากไม่พบเชื้อควรตรวจซ้ำภายใน 3-5 วันอาจจะช่วยคัดกรองแยกโรคได้
ข่าวปลอม! Swabลึกถึงเพดานจมูกทำเนื้อเยื่อพังผืดเสียหาย
สหภาพยุโรปอนุมัติ“ยา Evusheld” ใช้ป้องกันโควิดในกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลพญาไท,CDC ,โรงพยาบาลกรุงเทพ