วิธีใช้ ยา PrEP และ PEP ป้องกันลดความเสี่ยง HIV อย่างถูกต้อง!
ชวนรู้จักยาป้องกันลดความเสี่ยงเชื้อ HIV PrEP และ PEP ต่างและเหมือนกันอย่างไร? กินแบบไหนป้องกันได้สูงสุด!
PrEP และ PEP คือยาอะไร?
ยาทั้ง 2 ชนิด ทั้ง PrEP และ PEP คือยาป้องกันการติดเชื้อ HIV เหมือนกัน โดยยาทั้ง 2 ชนิด จะใช้ได้ผลในกรณีที่ยังไม่ติดเชื้อ HIV เท่านั้น หากแตกต่างกันตรงที่
- PrEP คือ Pre-Exposure Prophylaxis ซึ่งหมายถึงเป็นการใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ก่อนที่เราจะมีความเสี่ยง
- PEP คือ Post-Exposure Prophylaxis ซึ่งเป็นการใช้ยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังจากที่เราได้รับความเสี่ยงมาแล้วไม่เกิน 72 ชั่วโมง
“ติดเชื้อHIV” ไม่เท่ากับ “ติดเอดส์” แต่อันตรายถึงชีวิตหากไม่รู้จักป้องกัน
รายแรกในไทย! ผู้ป่วย HIV ติดเชื้อฝีดาษวานรเสียชีวิต!
PrEP และ PEP เหมาะกับใคร?
ยา PrEP
- เหมาะสำหรับกินก่อนได้รับความเสี่ยงหรือผู้ที่รู้ตัวอยู่แล้วว่ามีโอกาสเสี่ยง
- กลุ่มคนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ HIV
- กลุ่มคนที่มีการใช้เข็มฉีดยาแบบฉีดเข้าเส้นร่วมกับผู้อื่น
- กลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์แบบ Multi Partner หรือมีคู่นอนหลายคน
- กลุ่มผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แบบชายรักชาย
- กลุ่มที่มีการใช้ยา PEP อยู่บ่อยครั้ง และมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อเป็นระยะเวลานาน 3 เดือน
ยา PEP
- เหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับความเสี่ยงมาแล้ว ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
- กลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก
- กลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
- กลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยสวมถุงยางอนามัยแต่ถุงยางอนามัยแตก
- กลุ่มคนที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกเข็มที่ผ่านการใช้งานทิ่มตำ
ยา PrEP ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี ?
ยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ประกอบด้วยตัวยา 2 ชนิดใน 1 เม็ด (Fix Dose Communication) สามารถใช้ได้ใน 2 รูปแบบ คือแบบ Daily PrEP กินทุกวันติดต่อกัน กับแบบ On Demand PrEP ใช้กินเมื่อทราบและวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะมีความเสี่ยง ซึ่งจะกินในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในประเทศไทยเราจะนิยมใช้แบบ Daily PrEP มากกว่า เพราะในปัจจุบันการใช้ On Demand PrEP ยังมีการศึกษาผลการใช้ในเฉพาะกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์แบบชายรักชาย และไม่ควรใช้ในผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอีกเสบบีร่วมด้วย
ตามขั้นตอนเมื่อมาพบแพทย์ แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อคัดกรองการติดเชื้อ HIV ตรวจการทำงานของตับและไต และตรวจว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ก่อนทำการจ่ายยา ซึ่ง Daily PrEP ควรกินอย่างน้อย 7 วันก่อนได้รับความเสี่ยง โดยต้องกินทุกวัน วันละ 1 เม็ด ในเวลาเดียวกัน จะทำให้ยามีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะจ่ายยาให้เพียงพอต่อการกินเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อติดตามคัดกรองว่ามีการติดเชื้อ HIV ในระหว่างการใช้ยาหรือไม่ ก่อนจะจ่ายยาเพิ่มอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน
ส่วนจะต้องใช้ยานานแค่ไหน? คำตอบคือ ให้กินต่อเนื่องไปจนกว่าจะหมดความเสี่ยง อย่างเช่น ในกลุ่มของผู้ให้บริการทางเพศ แพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาไปจนกว่าจะเลิกทำอาชีพดังกล่าว ซึ่งแม้ว่าจะหมดความเสี่ยงก็ไม่ควรหยุดการใช้ยาในทันที แต่ควรกินต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และเข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อ HIV อีกครั้ง หากไม่มีการติดเชื้อก็จะสามารถหยุดการใช้ยาได้
วิธีการใช้ On Demand PrEP
On Demand PrEP จะมีวิธีการใช้ที่ค่อนข้างจำเพาะ โดยจะต้องกินยา 2 เม็ด ล่วงหน้า 2-24 ชั่วโมงก่อนที่จะมีความเสี่ยงได้รับเชื้อ และหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้วก็ต้องกินยาทุกวัน วันละ 1 เม็ด และกินต่อเนื่องไปอีก 2 วันหลังหมดความเสี่ยง หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย เช่น สมมติจะได้รับความเสี่ยงวันจันทร์ตอนกลางคืน ก็ควรกิน On Demand PrEP ในวันจันทร์ตอน เวลา 9 โมงเช้า 2 เม็ด จากนั้นก็กินทุกวัน วันละ 1 เม็ดตอนเวลา 9 โมง พอวันพุธแฟนกลับบ้านแล้ว ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แน่นอน ก็ให้กินยาต่อไปอีก 2 วัน คือวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ในเวลา 9 โมง จึงหยุดกินยา
มีการศึกษาพบว่าถ้ากินยา PrEP อย่างถูกวิธี ตรงเวลา สม่ำเสมอจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้ถึง 90%
เพิ่มสิทธิบัตรทอง “ชุดตรวจHIVด้วยตนเอง –ไวรัสตับอักเสบบีและซี” ฟรี!
ผลข้างเคียงยาป้องกัน HIV
ยาทั้ง 2 ชนิด อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ทำให้รู้สึกเพลีย เวียนหัว คลื่นไส้ ในช่วง 2-3 วันแรกของการใช้ยา เนื่องจากร่างกายยังไม่คุ้นชินกับยา แต่ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ใช้ยา PrEP / PEP แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัย จริงหรือ?
อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะไม่ว่าจะเป็นยา PrEP หรือ PEP ก็สามารถป้องกันได้แค่เชื้อ HIV เท่านั้น แต่ย้ำชัดๆ ว่าไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ ฉะนั้นแม้ว่าจะได้รับยา PrEP / PEP แล้ว ก็แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
รู้ว่าเสี่ยงติดเชื้อ HIV อย่ามัวตกใจ! รีบทำตามนี้
- รีบเดินทางไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อตรวจคัดกรองเชื้อ HIV
- รับยา PEP และกินยาให้ต่อเนื่องอยากถูกวิธี
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
ภาพจาก : freepik
เชื้อ HPV ก่อมะเร็งปากมดลูก ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายก็เสี่ยงมะเร็งได้
ติดเชื้อ HPV ไม่เท่ากับเป็นมะเร็งปากมดลูก? เช็กความเสี่ยงและวิธีป้องกัน