“ตับแข็ง” จากไวรัสตับอักเสบ-ไขมันสะสม เผยสัญญาณอันตรายถึงชีวิต
รู้หรือไม่ ? ตับแข็งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตทั่วโลก 25,000 คน ต่อปี และถูกจัดเป็นสาเหตุการตายที่เกิดจากโรคเป็นอันดับที่ 8 ซึ่งสาเหตุหลักไม่ได้เกิดกับนักดื่มเท่านั้นแต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือการที่มีไขมันสะสมในตับได้เช่นกัน
“ตับ” เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายและเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่มีซึ่งตับ และหลายคนรู้จัก คุ้นชื่อกันดี หากพูดถึงโรค “ตับแข็ง” ที่เกิดจากการที่ตับเกิดความเสียหาย มีพังผืดเกิดขึ้นทดแทนเซลล์ปกติ จนขัดขวางการไหลของเลือดเข้าตับทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้ดังเดิม
สาเหตุของการเกิด “ตับแข็ง”
- การดื่มสุรา เป็นเวลานานๆ มากกว่า 10 ปีขึ้นไป จะทำให้เกิดตับแข็งได้โดยปริมาณการดื่มสุราที่ทำให้ตับเกิดการบาดเจ็บนั้นต้องบอกว่าแตกต่างกันในแต่ละคน
“โรคตับ” สัญญาณและสาเหตุ อ่อนเพลียหนัก- คันตามตัว รีบพบแพทย์
7 สิ่ง ทำลายตับเสี่ยง “มะเร็งตับ” อาหารและพฤติกรรมแบบไหนควรเลี่ยง
- ผู้หญิงเฉลี่ยปริมาณการดื่ม 2-3 ครั้ง/วัน ก็จะเกิดตับแข็งได้
- ผู้ชายปริมาณการดื่ม 3-4 ครั้ง/วัน จึงจะเกิดตับแข็ง
เพราะว่าแอลกอฮอล์จะไปยับยั้งการทำงานของร่างกาย ยับยั้งการย่อยสลายของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ทำให้เกิดอันตรายต่อตับ
- ตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบ C การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ C จะทำให้ตับบาดเจ็บทีละน้อย โดยผู้ป่วยจะไม่รู้สึกมีอาการเจ็บเลย จนกระทั่งตับแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยที่มีไวรัสตับอักเสบ C ดื่มสุราร่วมด้วย ก็จะยิ่งทำให้ตับแข็งเร็วขึ้น
- ตับอักเสบจากไวรัสตับอักเสบ B และ D ลักษณะของไวรัสตับอักเสบ B จะเหมือนไวรัสตับอักเสบ C คือจะทำให้ตับมีการอักเสบทีละน้อย จนเป็นตับแข็งซึ่งใช้เวลาเป็นสิบปี ส่วนไวรัสตับอักเสบ D จะพบในผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B อยู่แล้ว โดยในประเทศไทยพบว่าส่วนใหญ่ไวรัสตับอักเสบ D ติดต่อจากการใช้เข็มฉีดยาในกลุ่มที่ใช้ยาเสพติด
- ตับอักเสบจากภูมิคุ้มกันร่างกาย เป็นการอักเสบเรื้อรังที่ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ โดยเกิดจากภูมิคุ้มกันของเราไปทำลายเนื้อตับทีละน้อย
- โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม การขาดสารบางอย่างการมีธาตุเหล็กสะสมในตับและอวัยวะอื่นมากเกิน การที่ตับไม่สามารถขับธาตุทองแดงออกจากร่างกาย การมีสารจำพวกแป้งสะสมในตับและอวัยวะอื่นมากเกินไปสิ่งต่าๆเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้การทำงานของตับผิดปกติ โดยที่ผู้ป่วยไม่มีความรู้สึกผิดปกติอะไร จนในที่สุดกลายเป็นตับแข็ง
- ไขมันสะสมในตับมากเกิน เกิดจากภาวะที่ไขมันเข้าไปแทรกอยู่ในเนื้อตับ และเกิดการสะสมเป็นจำนวนมากจนในที่สุดทำให้เซลล์ถูกเบียดเบียนและเกิดเป็นแผลเป็น ซึ่งพบว่ามีความสัมพันธ์กับโรคเบาหวาน การขาดสารโปรตีน โรคอ้วน หัวใจขาดเลือดและการใช้ยาสเตรียรอยด์
- การอุดกั้นของท่อน้ำดี เมื่อท่อน้ำดีมีการอุดตัน ตับก็จะไม่สามารถส่งน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารได้ ทำให้น้ำดีเกิดการคั่งในตับและมีผลทำให้ตับบาดเจ็บ ในเด็กแรกเกิดมักเป็นจากการที่ท่อน้ำดีมีการลดจำนวนลง ส่วนในผู้ใหญ่อาจเกิดจากการผ่าตัดถุงน้ำดีแล้วไปผูกถูกท่อน้ำดี
- ยา สารพิษ และการติดเชื้ออื่นๆ การใช้ยาเป็นระยะเวลานานเกินไปโดยไม่จำเป็น การสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด มีตัวพยาธิ เช่น พยาธิใบไม้ หรือภาวะที่หัวใจล้มเหลวบ่อยๆ ล้วนแต่ทำให้เลือดคั่งที่ตับจนในที่สุด
8 สัญญาณ “ไขมันพอกตับ”ภัยพฤติกรรมเลี่ยงละเลยอาจพ่วงมะเร็งตับ-ตับแข็ง
อาการโรคตับแข็ง
บางโรคอาการอาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าคุณเป็นโรคใดโรคหนึ่ง แต่…ตับแข็งคุณจะรอแต่ให้มีอาการนั้นคงไม่ได้ เพราะผู้ป่วยจำนวนมากที่มีตับแข็ง มักไม่มีอาการใดเลยในระยะแรกๆ แต่จะมีอาการเมื่อมีพังผืดมาแทนที่เนื้อตับที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ น้ำหนักลด และถ้าตับแข็งเป็นมาก รุนแรงขึ้น ก็จะเกิดโรคแทรกซ้อนข้างเคียงได้
- ขาบวมและท้องมาน เมื่อตับสูญเสียการทำงานการสร้างโปรตีน (คืออัลบูลมินซึ่งเป็นโปรตีนที่ใช้ในการดึงน้ำไว้ในหลอดเลือด) จะลดลง ทำให้น้ำในหลอดเลือดรั่วออกมาสะสมที่ขา ทำให้ขาบวมและมีน้ำในช่องท้องทำให้เกิดท้องมาน
- รอยช้ำและเลือดออก เมื่อตับไม่สามารถสร้างโปรตีนที่ใช้ในการแข็งตัวของเลือด ผู้ป่วยจึงมีรอยช้ำได้ง่าย รวมทั้งเลือดออกง่ายและหยุดยากด้วย
- ภาวะเหลือง(ดีซ่าน) จะมีอาการเหลืองที่ตาและตามร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขับบิลิรูบิน (Bilirubin) ออกจากร่างกายได้ จึงทำให้ปริมาณสารบิลิรูบินในกระแสเลือดมากเกินไปจนเกิดภาวะตัวเหลืองหรือดีซ่านนั่นเอง
- อาการคัน เนื่องจากน้ำดีไปสะสมตามผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
- นิ่วในถุงน้ำดี ตับแข็งทำให้น้ำดีที่สร้างไม่สามารถถูกส่งไปยังถุงน้ำดีได้อย่างปกติ ทำให้เกิดการคั่งค้างของนำดีจนเกิดเป็นนิ่วในที่สุด
- สารพิษในเลือดและสมองสูงขึ้น ภาวะตับแข็งทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดสารพิษออกจากเลือด ทำให้ปริมาณสารพิษจากการย่อยสลายของอาหารและจากร่างกายเพิ่มสูงขึ้น จึงมีผลต่อสมอง ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำงานได้ บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง ซึม จนอาจถึงขั้นเสียชีวิต
- ภาวะไวต่อการเกิดพิษจากยา เนื่องจากตับทำหน้าที่ในการกรองยาออกจากเลือดน้อยลง ทำให้ยาที่รับประทานออกฤทธิ์นานขึ้น และอาจสะสมในร่างกายจนอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้
- ภาวะความดันในระบบหลอดเลือดดำของตับสูง โดยปกติเลือดจากลำไส้และม้ามจะไหลเข้าสู่ตับโดยผ่านทางหลอดเลือดดำ ที่เรียกว่า Portal Vein เมื่อตับแข็งเลือดก็จะไหลเวียนเข้าสู่ตับได้ช้าลง ทำให้ความดันสูงขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดดำบริเวณหลอดอาหารและกระเพาะอาหารขยายตัวจนกลายเป็นหลอดเลือดดำขอด ที่เรียกว่า Varix ซึ่งหลอดเลือดดำขอดเหล่านี้มีผนังบางและแตกรั่วง่ายจึงอาจทำให้เกิดภาวะตกเลือดในหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร ทำให้ผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระดำเหลวหรืออาเจียนเป็นเลือด จนถึงแก่ชีวิตได้
- โรคติดเชื้อ ผู้ป่วยโรคตับแข็งมักมีโอกาสติดเชื้อและเป็นโรคง่ายกว่าคนปกติเพราะภูมิคุ้มกันต่ำนั่นเอง
ตับแข็งรักษาได้หรือไม่
สิ่งที่แพทย์จะต้องแจ้งกับผู้ป่วยทุกคนเสมอ คือ ตับแข็งนั้นไม่สามารถรักษาให้ตับกลับมาดีเท่าเดิมได้ หลักของการรักษาตับแข็งนั้น เพื่อต้องการให้เนื้อตับไม่ถูกทำลายมากขึ้น หรือช่วยชะลอความเสียหาย และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนลง ซึ่งในปัจจุบันการผ่าตัดเปลี่ยนตับได้ผลดีมีอัตราความสำเร็จถึง 80-90%
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท
ภาพจาก : shutterstock
3 โรคตับคนรุ่นใหม่ จุดเริ่มต้นมะเร็งตับ ป้องกันได้แค่ปรับพฤติกรรม
4 ระยะก่อนตับแข็งตัวการมะเร็งตับ-ปรับพฤติกรรมเล็กน้อยห่างไกลโรคได้