หน้าหนาวระวังฝุ่น PM 2.5 เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ แนะวิธีเช็กสุขภาพ
ผู้เชี่ยวชาญเตือนฝุ่น PM2.5 หน้าหนาวเสี่ยงโรคหัวใจ และอีกสารพัดโรค แนะวิธีป้องกัน ดูแลสุขภาพ
ช่วงหน้าหนาวนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเริ่มออกมาเตือนให้ระวัง PM 2.5 ที่กำลังจะเริ่มกลับมาในพื้นที่ทั่วประเทศไทย ถึงแม้อากาศจะไม่เย็นมาก แต่ความกดอากาศสูง ทำให้อากาศนิ่ง ฝุ่นควันต่างๆ ไม่สามารถลอยขึ้นสูงได้ จึงอาจเกิดการสะสมในพื้นที่จนเกินค่ามาตรฐานได้
งานวิจัยชี้ PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ
องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง ตั้งแต่ปี 2556 อีกทั้งยังเป็นสาเหตุให้ 1 ใน 8 ของประชากรโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ไขข้อสงสัย “โรคหัวใจ” ออกกำลังกายเสี่ยงอาการกำเริบหรือไม่?
วิจัยเผย“ความเครียด”ก่อโรคหัวใจสูง 70 % เสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมาก ขนจมูกไม่สามารถกรองได้ สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และแทรกซึมสู่กระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ อาจทำให้การทำงานของปอดแย่ลง เพิ่มความเสี่ยงโรคถุงลมโป่งพอง ทางเดินหายใจอักเสบจนเกิดอาการภูมิแพ้ และโรคหัวใจ โดยเฉพาะ หลอดเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
มีงานวิจัยระบุว่าPM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นสะสมในระบบไหลเวียนเลือด ทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สามารถเพิ่มความหนาของผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ ที่เป็นเส้นทางไปสู่สมองและหัวใจ (carotid intima-medial thickness) ได้ 5.9% ส่งเสริมการตีบหรืออุดตันหลอดเลือดแดงที่หัวใจ สามารถเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจมากถึง 1.24 เท่า และเพิ่มอัตราการตายจากโรคหัวใจ 1.76 เท่าปัจจุบันพบว่าอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่สูง สืบเนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปจากในอดีต โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ที่เคร่งเครียดกับการทำงาน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย จนอ้วนหรือลงพุง สูบบุหรี่ มีโรคประจำตัว อาทิเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูง และปัจจัย อายุ เพศ และเชื้อชาติและเผชิญมลภาวะเช่น ฝุ่น PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันขึ้นแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องได้รับยาตลอดชีวิต ถ้าเป็นมากจนมีอาการเจ็บหน้าอก ต้องได้รับการขยายหลอดเลือดแดงโดยใช้บอลลูนหรือในคนไข้บางรายต้องได้รับการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือด ดังนั้น การป้องกันฝุ่นPM2.5ไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็น (วิธีป้องกันฝุ่นPM2.5)
สำหรับบุคคลที่กังวลว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพราะสัมผัสกับฝุ่นโดยเฉพาะพื้นที่ๆ มีPM 2.5 หนาแน่นเกินมาตรฐาน แพทย์อาจแนะนำ การตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ Calcium Score CT ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อตรวจหาปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ โดยแพทย์สามารถนำข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจเพื่อให้เหมาะกับผู้ป่วยในแต่ละรายได้ เพื่อให้การรักษาแต่เนิ่นๆ โดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการ เป็นการลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันจากโรคหัวใจได้
“ชลน่าน”สั่งรับมือฝุ่นPM2.5 กางแผนสำรองอุปกรณ์ป้องกัน-เปิดศูนย์ฉุกเฉิน
ป้องกันผู้ป่วยโรคหัวใจช่วงหน้าหนาว
ในช่วงที่อากาศหนาวจะพบว่าในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากต้องระวังฝุ่น PM2.5 แล้ว ยังเสี่ยงภาวะความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้ เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงทำให้เส้นเลือดมีการหดตัว และส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นตามมา โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุมากกว่า 65 ปี
นอกจากนี้ช่วงฤดูหนาวอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน เช่น ออกกำลังน้อยลงและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ส่งผลเพิ่มเติมทำให้ความดันสูงขึ้นได้ ถ้ามีอาการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจเกิดจากความดันสูงขึ้น เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หรือพบว่าความดันสูงขึ้นกว่าปกติ ควรพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา ขณะที่พบว่าในผู้ป่วยที่มีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบมีอาการเจ็บหน้าอกเพิ่มขึ้นได้ในช่วงนี้ และผู้ป่วยที่มีหัวใจเต้นผิดจังหวะก็พบอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นในช่วงหน้าหนาวเช่นกัน
ทั้งนี้ในช่วงนี้ควรรักษาความอบอุ่นในร่างกาย สวมเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายไม่สูญเสียความอบอุ่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพื่อเพิ่มความอบอุ่นอาจทำให้ผู้ดื่มประมาทและสูญเสียความร้อนในร่างกายจากการสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นมากเกินไปจนเกิดอันตรายได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช และ โรงพยาบาลกรุงเทพ
"ไรฝุ่น" สารก่อภูมิแพ้ที่พบมากที่สุด ปัจจัยใหญ่ควบคุมหอบหืดได้ยาก
วิจัยพบ สูดอากาศที่มีฝุ่น PM2.5 เพิ่มความเสี่ยง “โรคเบาหวานประเภท 2”