เป็นต้อในตาไม่รักษา ปล่อยทิ้งไว้หายเองได้หรือไม่?
ต้อในตา อันตรายที่ปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา หายเองไม่ได้ เสี่ยงรุนแรงอันตรายถึงขั้นตาบอดได้!
การเป็นต้อ ชื่อเรียกความผิดปกติเกี่ยวของตา แม้จะเรียกโรคเหล่านั้นว่าต้อเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วต้อแต่ละโรค สาเหตุ อาการ และความรุนแรงของโรคนั้น ต่างกันโดยสิ้นเชิง
โรคต้อแต่ละโรค
-
ต้อลม ระคายเคือง เจ็บเยื่อบุตาขาวเสื่อม น้ำตาเทียม หรือยาหยอดตา
-
ต้อเนื้อ ระคายเคือง เจ็บตา สายตาเอียง หรือเสียการมองเห็นชั่วคราว เยื่อบุตาขาวเสื่อม น้ำตาเทียม ยาหยอดตา หรือการผ่าตัดลอกต้อเนื้อ
ต้อกระจก ภัยการมองเห็นผู้สูงอายุ ปล่อยทิ้งไว้อาจสูญเสียการมองเห็นได้!
สัญญาณต้อในตา แบบไหนแทบไม่มีอาการ? ชนิดไหนควรรีบรักษาเสี่ยงตาบอด!

-
ต้อกระจก ตาพร่ามัว เลนส์ตาขุ่น เลนส์ตาเสื่อม ใส่แว่นสายตา แว่นกันลม หรือผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา
-
ต้อหิน การมองเห็นแคบลง จนเสียการมองเห็นถาวร ขั้วประสาทตาเสื่อม ลดปัจจัยที่ทำให้ขั้วประสาทตาเสื่อม เช่นลดความดันลูกตา
ขั้นตอนการรักษาโรคต้อ
-
ต้อลมกับต้อเนื้อ จะเน้นรักษาโดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ระคายเคือง และทำให้ตาชุ่มชื้นอยู่เสมอ หากรำคาญมาก มีผลต่อการมองเห็น หรือดูไม่สวยงาม สามารถลอกต้อลม และต้อเนื้อออกด้วยการผ่าตัดได้
-
ต้อกระจก รักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา เอาเลนส์เก่าที่เสื่อมสภาพออก แล้วใส่เลนส์เทียมอันใหม่เข้าไป หรือหากเป็นไม่มาก แพทย์จะให้ลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ต้อสุกมากขึ้น และใส่แว่นเพื่อปรับตามค่าสายตาที่เปลี่ยนจากการเป็นต้อกระจก
-
ต้อหิน จะรักษาโดยการลดความเสี่ยงที่ทำให้โรคอาการหนักขึ้น เพราะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ส่วนใหญ่จะเห็นว่าการรักษาส่วนใหญ่ จะขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย ผู้ที่เป็นโรคต้อต้องระมัดระวังการใช้สายตา และทำตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อทำให้อาการของโรคไม่แย่ลงมากไปกว่านี้ รักษาการมองเห็นที่ดีให้นานเท่าที่จะทำได้
อ่อนเพลีย-ปวดเมื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณขาดวิตามินดี เสี่ยงโรคกระดูกพรุน
การดูแลตนเองหลังรักษาโรคต้อ
ต้อลมและต้อเนื้อเกิดซ้ำได้แม้จะผ่าตัดลอกต้อออกไปแล้ว ต้อหินไม่สามารถรักษาให้หายได้ จึงต้องระมัดระวังไม่ให้อาการแย่ลง ส่วนต้อกระจก แม้จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ก็สามารถอยู่กับโรคได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย
ดังนั้นเมื่ออาการดีขึ้น หรือรักษาจนหายแล้ว ผู้ที่เคยเป็นต้อยังคงต้องระมัดระวังการใช้ดวงตา หมั่นสังเกตตัวเอง และควรมาพบจักษุแพทย์ตามนัด หรือเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอยู่เสมอ
เป็นต้อ ห้ามกินอะไรบ้าง
-
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
-
การดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนมากจนเกินไป
-
การทานอาหารเสริมมากจนเกินไป หรืออาหารเสริมที่ไม่มีการรับรองความปลอดภัย
-
อาหารรสจัด หรืออาหารที่มีความแข็ง กรอบ เหนียวมาก
-
ควรลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง ของหวาน
ข้อควรปฏิบัติในการดูแลตนเองหลังการรักษา
-
หากมีการทานยาประจำตัว เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาโรคเบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน
-
ใช้ยารักษาตาต้อ หรือยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่ง
-
หากรักษาด้วยการผ่าตัด หลังการรักษาเสร็จสิ้น ควรเลี่ยงการสระผมด้วยตนเองหรือล้างหน้าโดนบริเวณดวงตา
-
ระมัดระวังน้ำ ฝุ่น ลม ควัน สารเคมี หรือสิ่งสกปรกเข้าสู่ดวงตา
-
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจกระทบกระเทือนดวงตาในช่วงระยะแรก เช่น การวิ่ง กระโดด
-
ไม่ควรขยี้ตา ไอจามอย่างรุนแรง
-
ทำความสะอาดดวงตาด้วยการเช็ดตาเบาๆ วันละ 1 ครั้ง
-
ในช่วงแรกหลังรักษาโรคต้อ ควรเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์และเปลี่ยนไปสวมแว่นสายตาแทน ประมาณ 1 เดือน
มาพบแพทย์ตามการนัดหมายทุกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษา
ตาเป็นต้อ ไม่รักษาได้หรือไม่ ?
-
ต้อลมหากไม่รักษา จะลุกลามจนเป็นต้อเนื้อ ต้อเนื้อหากไม่รักษา ก็จำทำให้สูญเสียการมองเห็นไปชั่วคราว
-
ต้อกระจกหากไม่รักษา ปล่อยไว้จนต้อสุก จะทำให้มองเห็นไม่ชัด ส่วนต้อหินหากปล่อยไว้ จะทำให้เสียการมองเห็นอย่างถาวรได้
ดังนั้นหากตาเป็นต้อ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนอาการลุกลาม และมีผลต่อการมองเห็น
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์
ตาล้า-ปวดหัว ขณะทำงานหน้าจอ สัญญาณป่วย Computer Vision Syndrome
8 วิตามิน ธรรมชาติช่วยเรื่องผิวพรรณ ฟื้นฟูจากแดด ตามที่แพทย์แนะนำ