ต้อกระจก ภัยการมองเห็นผู้สูงอายุ ปล่อยทิ้งไว้อาจสูญเสียการมองเห็นได้!
ผู้สูงวัยจำนวนมากมักมีปัญหาตาพร่ามัว หรือสายตาสั้นลงเรื่อยๆ นับเป็นสัญญาณเตือน โรคต้อกระจก ปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงเพิ่มคุณภาพชีวิตได้
ต้อกระจก เป็นโรคต้อชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณเลนส์ตา โดยปกติแล้วเลนส์ตาจะมีลักษณะใส มีหน้าที่ในการรวมแสงให้ตกกระทบไปยังจอประสาทตา จากนั้นสมองจึงประมวลผลให้เกิดเป็นภาพขึ้นมา ซึ่งต้อกระจกที่เกิดขึ้นจะทำใหเลนส์ตามีลักษณะขุ่นหรือแข็ง ส่งผลให้การรวมแสงเพื่อส่งไปยังจอประสาทตาลดประสิทธิภาพลง จนเกิดเป็นอาการตาพร่ามัวหรือมองเห็นไม่ชัด
ซึ่งโรคต้อกระจกจะพบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยเริ่มเกิดได้ทั้งจากบริเวณกลางเลนส์ตาหรือขอบเลนส์ตา และเกิดได้กับตาข้างใดข้างหนึ่งหรือเกิดกับตาทั้ง 2 ข้างพร้อมกันก็ได้
สัญญาณต้อในตา แบบไหนแทบไม่มีอาการ? ชนิดไหนควรรีบรักษาเสี่ยงตาบอด!
อ่อนเพลีย-ปวดเมื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณขาดวิตามินดี เสี่ยงโรคกระดูกพรุน
Freepik/stockking
โรคตา

สาเหตุโรคต้อกระจก
โรคต้อ เกิดจากโครงสร้างของโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเลนส์ตามีการเสื่อมสภาพตามวัย จึงพบบ่อยในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
- แสงอัลตราไวโอเลต (UV) เข้าสู่ดวงตาเป็นเวลานาน เช่น แสงแดด แสงสีฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ และแสงจากการเชื่อมเหล็ก
- ความผิดปกติในระหว่างที่อยู่ในครรภ์ เช่น มารดาเกิดการติดเชื้อหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ ส่งผลให้ทารกเป็นโรคต้อกระจกโดยกำเนิด
- ได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณดวงตา หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา
- โรคทางกายที่สามารถก่อให้เกิดต้อกระจก เช่น โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ โรคกาแล็กโทซีเมีย หรือโรควิลสัน
- โรคทางตาที่สามารถก่อให้เกิดต้อกระจก เช่น ลูกตาติดเชื้อ ม่านตาอักเสบ หรือเคยได้รับการผ่าตัดดวงตามาก่อน
- เคยได้รับการฉายรังสีหรือฉายแสง โดยในผู้ป่วยที่เคยได้รับการฉายรังสีที่บริเวณศีรษะ มีโอกาสเป็นโรคต้อกระจกได้มากกว่าคนทั่วไป
- ได้รับยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์
- สารพิษจากการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกได้
สัญญาณเตือนโรคต้อกระจก
-
การมองเห็นเริ่มลดลง โดยเริ่มค่อยๆ เสียความคมชัดลงไป หรือรู้สึกเหมือนมีหมอกหรือฝ้ามาบดบังสายตาตลอดเวลา
-
เริ่มมองเห็นภาพซ้อน
-
สายตาสู้แสงสว่างไม่ได้ อาจเห็นภาพมัวในตอนกลางวัน แต่จะชัดขึ้นในตอนกลางคืนแทน
-
ระดับค่าสายตาเริ่มสั้นลงจนต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยขึ้น หรือผู้ที่มีสายตายาวจะพบว่าค่าสายตาจะเริ่มกลับมาปกติ และกลายเป็นสายตาสั้นเมื่อเป็นต้อกระจก
-
บางรายอาจมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากเดิม
-
บริเวณกลางรูม่านตาเริ่มมีสีขาวขุ่น
ในระยะรุนแรงอาจส่งผลให้การมองเห็นแย่ลงอย่างมาก หรือถึงขั้นไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ และหากปล่อยไว้ไม่รีบรักษา อาจทำให้มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เป็นต้อหิน หรืออาจถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น
โรคต้อกระจกไม่ว่าจะระยะไหนๆ ก็ไม่สามารถหายได้เองจากการใช้ยาหยอดตาชนิดใดก็ตาม จะต้องอาศัยการรักษาอย่างถูกวิธี
อาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ใครบ้างเสี่ยง? วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน!
- ระยะแรกๆ การรักษาจะทำได้เพียงลดอาการได้ชั่วคราวเท่านั้น เช่น การตัดแว่นสายตาใหม่หรือใช้ยาหยอดตา โดยทั้งนี้การใช้ยาหยอดตาควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนเสมอ
- ต้อกระจกในระยะรุนแรง ตาพร่ามัวจนเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษาจะทำได้โดยการผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งการผ่าตัดต้อกระจกมีด้วยกัน 2 วิธี คือ
- การผ่าตัดด้วยการสลายต้อกระจก
- การผ่าตัดแบบแผลเปิดกว้าง
รูปแบบการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับผลการวินิจฉัยและดุลพินิจของจักษุแพทย์
ดูแลตัวเองให้ห่างไกลต้อกระจก
-
สวมแว่นกันแดด ในที่แสงแดดจ้า
-
ถนอนสายตาด้วยการพักสายตาเมื่อต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน
-
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
-
กินอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอ อี และซี
-
หลีกเลี่ยงหรือลดการสูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
-
ระมัดระวังไม่ให้ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนจากการกระแทก หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา
การหมั่นตรวจเช็กดวงตาเป็นประจำโดยจักษุแพทย์ จะทำให้เรารู้ถึงสุขภาพของดวงตาและพบโรคต่างๆ ทางดวงตาได้เร็วขึ้น ฉะนั้นสุขภาพตาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากมีความผิดปกติจะบั่นทอนชีวิตและทรัพย์สินแบบทวงคืนได้ยาก อีกทั้งหากพบโรคเกี่ยวกับดวงตาเมื่อไหร่ ก็จะสามารถรักษาเพิ่มโอกาสหายขาดได้มากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
รวมวิตามินบำรุงสายตา ลดจอประสาทตาเสื่อม เพิ่มการมองเห็นในที่มืด
มีโรคประจำตัวออกกำลังกายได้หรือไม่ ? แนะเทคนิคดูแลสุขภาพให้แข็งแรงขึ้น