"คันช่องคลอด" ปัญหาเซนซิทีฟในผู้หญิง เกิดจากอะไร? รักษาหายได้หรือไม่?
ปัญหาเซนซิทีฟของผู้หญิงมีมากมายที่บอกใครไม่ได้ และค่อนข้างจะเป็นปัญหาหนักใจกระทบกับการใช้ชีวิต คือ ปัญหาคันช่องคลอด เผยสาเหตุ ป้องกัน และรักษาให้หายขาด
คันช่องคลอด (Vaginal Itching) เป็นอาการคันอวัยวะเพศหญิง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณรอบนอกช่องคลอดและภายในช่องคลอดขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค เช่น การติดเชื้อจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา พยาธิ หรือว่าอาจเกิดอาการคันจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วย
สาเหตุของอาการคันภายในช่องคลอด
- เชื้อแบคทีเรีย
- เชื้อที่รับจากการมีเพศสัมพันธ์
- เชื้อรา
- สิ่งแปลกปลอม
10 ปัญหาเซนซิทีฟของสุขภาพคุณผู้หญิง ฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์!
“มะเร็งปากมดลูก” ทำไมบางคนเสี่ยงมากกว่า? วิธีป้องกันตามช่วงอายุ
สาเหตุของอาการคันภายนอกช่องคลอด
- การเสียดสี
- การโกนขน
- โรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ โรคเริม
- อาการแพ้ก็จะทำให้คันบริเวณต่าง ๆ รวมถึงคันช่องคลอดได้ และถ้าในกรณีที่เป็นโรคมะเร็งปากช่องคลอด นอกจากจะมีอาการคันแล้ว อาจพบเลือดออกและอาจเจ็บปวดช่องคลอดด้วย
อาการคันช่องคลอดเป็นสัญญาณของโรคอะไรบ้าง?
- โรคสะเก็ดเงิน
- โรคผิวหนังอักเสบ
- โรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งปากช่องคลอด (Vulvar Cancer) มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) และมะเร็งบริเวณใกล้เคียง
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน เริม มักจะมีผื่นแดงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศและอาจมีอาการคันตกขาวร่วมด้วย
ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจพบได้จากอาการคันช่องคลอด
อาการคันช่องคลอดอาจพบอาการข้างเคียงอื่น ๆ ร่วมด้วย ถ้าหากมีอาการดังต่อไปนี้ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและหาสาเหตุของโรคต่อไป เช่น
- ตกขาวผิดปกติ เช่น ปริมาณตกขาวเยอะ ตกขาวเหม็น ตกขาวสีต่างจากเดิม
- มีอาการระคายเคือง แสบคันเวลาปัสสาวะ
- ปวดบวม เป็นแผล มีตุ่มหรือผื่นขึ้น
- ไข้ขึ้น
- เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์หรือมีเลือดออกในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือน
การรักษาอาการคันช่องคลอด
- ผู้ที่มีอาการคันช่องคลอดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole
- ผู้ที่มีอาการติดเชื้อหรือตกขาวจากเชื้อราจะใช้ยาต้านเชื้อรา เช่น Fluconazole ในการรักษา
- ผู้ที่มีอาการคันอวัยวะเพศหญิงภายนอกอาจให้ทายากลุ่มสเตียรอยด์ เช่น Hydrocortisone ร่วมด้วย
- ผู้ที่มีอาการคันช่องคลอดจากการแพ้ แพทย์จะให้ยาแก้แพ้มาทาน
- ผู้ที่มีอาการคันตรงช่องคลอดจากสิ่งแปลกปลอมที่หลงเหลือภายใน แพทย์จะนำสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นออกก่อนพร้อมให้ยาอื่น ๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้เมื่อคันช่องคลอดหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยไม่ควรหาซื้อยามาทาหรือทานเอง เพราะอาจเป็นการรักษาไม่ตรงจุดและทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้
วิธีดูแลหากมีอาการคันช่องคลอด
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบ ไม่ซื้อยาอื่น ๆ มาใช้หรือหยุดยาเอง
- ล้างมือให้สะอาดก่อนทำความสะอาดอวัยวะเพศหรือจุดซ่อนเร้นทุกครั้ง
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนต่อผิว
- หลังทำความสะอาดอวัยวะเพศเสร็จแล้วให้ใช้กระดาษซับน้ำที่เกาะบนอวัยวะเพศและรอบ ๆ ให้แห้งสนิท
- พยายามไม่แกะหรือเกาเมื่อรู้สึกคันช่องคลอด ใส่กางเกงและกางเกงในที่มีเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดีเพื่อไม่ให้บริเวณอวัยวะเพศอับชื้น
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงในกรณีที่มีอาการคันจากเชื้อราในช่องคลอด
- งดมีเพศสัมพันธ์ชั่วคราว
รู้จักฮอร์โมนเพศชายและหญิง สัญญาณฮอร์โมนไม่สมดุลหรือบกพร่อง
ป้องกันไม่ให้เกิดอาการคันช่องคลอดได้
- ปรับเปลี่ยนการแต่งตัว โดยเน้นใส่เสื้อผ้าเนื้อบางที่สามารถระบายอากาศได้ดี และไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูป
- ใส่เสื้อผ้าสะอาด ไม่ใส่กางเกงในซ้ำ
- ในช่วงที่มีประจำเดือนให้เปลี่ยนผ้าอนามัยสม่ำเสมอ
- ไม่สวนล้างช่องคลอดบ่อยจนเกินไป
- รับประทานอาการที่มีประโยชน์ และทานอาหารที่มีแลคโตบาซิลลัส เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว จะช่วยให้ภายในช่องคลอดสมดุลมากขึ้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อควบคุมน้ำหนักในอยู่ตามเกณฑ์
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และฉีดวัคซีน HPV เมื่ออายุถึงเกณฑ์ก่อนมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยงการติดโรคที่ทำให้เกิดอาการคันช่องคลอด
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
- หากมีอาการแพ้ คันช่องคลอด ไม่ควรหาซื้อยาปฏิชีวนะมาทานเอง
อย่างไรก็ตามคุณผู้หญิงไม่ควรมองข้ามปัญหาเล็กๆน้อยๆ และควรดูแลสุขภาพสุขอนามัยและพบแพทย์เป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงก่อโรคต่างๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์
10 สัญญาณมะเร็งปากมดลูก เผยพฤติกรรมและช่วงอายุเสี่ยงโรค
ปรับรูปหน้าได้ไม่ต้องผ่าตัด เผยฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย