เช็กค่าผลตรวจสุขภาพโดยรวม ต้อนรับปี 2568 น้ำตาลในเลือด-ความดัน แบบไหนผิดปกติ
ปีใหม่เริ่มต้นใหม่ ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี แพทย์เผยการอ่านค่าผลตรวจสุขภาพโดยรวมด้วยตัวเอง วัดสุขภาพก่อนเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ปีใหม่หลายคนเริ่มเข้ารับการตรวจสุขภาพ การอ่านค่าให้เป็นจะช่วยสะท้อนสุขภาพในร่างกายที่บอกว่าอวัยวะของเรากำลังทำงานเป็นอย่างไร การตรวจสุขภาพที่ดีจะช่วยให้เรารู้เท่าทันความเสี่ยงของโรค ช่วยให้สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตได้ก่อนที่โรคจะเกิดขึ้นจริง การรู้ผลตรวจในด้านต่างๆ ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าจะดูแลสุขภาพอย่างไรให้สอดคล้องกับสภาพร่างกาย
ค่าผลตรวจที่สำคัญ และการอ่านค่าต่างๆ
ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose) : ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสัญญาณที่บ่งบอกการทำงานของอินซูลินในร่างกาย
ออกกำลังกายช่วยลดความดันโลหิตสูง หยุดยาได้หากเข้าเกณฑ์ที่แพทย์แนะนำ
ความดันโลหิตสูง เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนสมอง หลอดแข็งหัวใจ และไต เรื้อรังอันตราย!

ค่าน้ำตาลในเลือดที่สูงอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
Fasting Blood Sugar (FBS) : ระดับน้ำตาลขณะงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- ค่าปกติ : 70-99 mg/dL
- เข้าข่ายเสี่ยงโรคเบาหวาน : 100-125 mg/dL
- มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานสูง : มากกว่า 126 mg/dL ขึ้นไป (ควรตรวจซ้ำเพื่อยืนยัน หรือดูผลร่วมกับการตรวจ HbA1c)
HbA1c : ระดับน้ำตาลสะสมในเลือด ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือน (ทำให้รู้ถึงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ในระยะยาว)
- ค่าปกติ : ต่ำกว่า 5.7%
- เข้าข่ายเสี่ยงโรคเบาหวาน : 5.7-6.4%
- มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานสูง : 6.5% ขึ้นไป
คอเลสเตอรอล (Cholesterol) : มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์และฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งแบ่งเป็น LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) และ HDL (คอเลสเตอรอลดี)
- LDL (Low-Density Lipoprotein) : คอเลสเตอรอลไม่ดี
- ค่าปกติ : ควรน้อยกว่า 130 mg/dL (หากมีความเสี่ยงโรคหัวใจ ควรต่ำกว่า 70 mg/dL) หาก LDL สูงเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรระวังอาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัว เพราะจะทำให้ LDL สูงขึ้น
- HDL (High-Density Lipoprotein) : คอเลสเตอรอลดี
- ค่าปกติ : ควรมากกว่า 40 mg/dL ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะ HDL ช่วยลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด การออกกำลังกายเป็นประจำและการทานไขมันดี (เช่น น้ำมันตับปลา) จะช่วยเพิ่มค่า HDL
- คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol)
- ค่าปกติ: ควรน้อยกว่า 200 mg/dL
ค่าไขมันในเลือด (Triglycerides) : มักได้รับจากอาหารประเภท ข้าว, แป้ง, น้ำตาล, เหล้า และเบียร์
- ค่าปกติ : ควรน้อยกว่า 150 mg/dL
- หากสูงกว่า 200 mg/dL ถือว่าสูง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ค่าที่สูงขึ้นมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันทรานส์ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์
ความดันโลหิต (Blood Pressure) : ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด ค่าความดันโลหิตประกอบด้วย 2 ตัวเลข
- ค่าความดันตัวบน (Systolic) ค่าปกติ : ไม่ควรเกิน 140 mmHg
- ค่าความดันตัวล่าง (Diastolic)
- ค่าปกติ : ไม่ควรเกิน 90 mmHg
ค่าความดันโลหิตที่แนะนำควรอยู่ที่ประมาณ 120/80 mmHg หากสูงกว่า 130/80 mmHg ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (ในบางรายอาจเป็นผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเป็นปกติ จึงพบค่าความดันที่สูงกว่าคนทั่วไปได้)
ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count : CBC) : ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด บ่งบอกถึงเลือดของเราว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งจะเป็นการตรวจนับปริมาณเม็ดเลือด และลักษณะของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
จำนวนเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cells : RBC) : เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนจากปอดไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย การตรวจนี้มักใช้เพื่อประเมินภาวะโลหิตจาง (Anemia) หรือภาวะเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ (Polycythemia)
- ค่าปกติ : ผู้ชาย : 4.7-6.1 ล้านเซลล์/ไมโครลิตร , ผู้หญิง : 4.2-5.4 ล้านเซลล์/ไมโครลิตร
หากปริมาณเม็ดเลือดแดงต่ำ อาจบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจาง ซึ่งอาจเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก หรือภาวะเลือดออก แต่หากสูงเกินไป อาจบ่งชี้ถึงภาวะที่ร่างกายต้องการออกซิเจนมากขึ้น
ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin : Hb/HGB) : ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน การวัดระดับฮีโมโกลบินช่วยให้ทราบเกี่ยวกับภาวะโลหิตจางและการทำงานของร่างกายในการขนส่งออกซิเจน
- ค่าปกติ : ผู้ชาย : 13.8-17.2 g/dL , ผู้หญิง : 12.1-15.1 g/dL
หากค่าฮีโมโกลบินต่ำอาจบ่งบอกถึงโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กหรือการสูญเสียเลือด แต่หากค่าสูงอาจเกี่ยวข้องกับภาวะขาดน้ำหรือโรคที่ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากเกินไป
ฮีมาโตคริต (Hematocrit : Hct) : ฮีมาโตคริตเป็นเปอร์เซ็นต์ของเม็ดเลือดแดงในปริมาณเลือดทั้งหมด ค่านี้ช่วยประเมินภาวะโลหิตจางและภาวะเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ
- ค่าปกติ : ผู้ชาย : 40.7-50.3% , ผู้หญิง : 36.1-44.3% ค่าต่ำอาจบ่งบอกถึงภาวะโลหิตจางหรือการสูญเสียเลือด หากค่าสูงอาจบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ มีปัญหาในการผลิตเม็ดเลือดแดงมากเกินไป หรือมีภาวะเลือดข้น
เม็ดเลือดขาว (White Blood Cells : WBC) : เม็ดเลือดขาวเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ ค่าที่ผิดปกติอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อหรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
- ค่าปกติ : 4,500-11,000 เซลล์/ไมโครลิตร
การที่ค่าสูงอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ อักเสบ หรือการตอบสนองของร่างกายต่อความเครียดในร่างกาย ส่วนค่าต่ำอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อที่กดระบบภูมิคุ้มกันหรือภาวะการสร้างเม็ดเลือดขาวในร่างกายลดลง
เกล็ดเลือด (Platelets : PLT) : เกล็ดเลือดมีหน้าที่สำคัญในการช่วยในการแข็งตัวของเลือด ค่าที่ผิดปกติอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดหรือชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย
- ค่าปกติ : 150,000-450,000 เกล็ด/ไมโครลิตร
ค่าที่ต่ำเกินไปอาจบ่งบอกถึงภาวะเลือดออกง่ายหรือการติดเชื้อบางชนิดที่ทำลายเกล็ดเลือด และค่าที่สูงเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดที่ไม่พึงประสงค์ในหลอดเลือด
ค่าเอนไซม์ตับ (Liver Enzymes) หรือการทำงานของตับ (Liver Function Test : LFT) : ค่าเอนไซม์ตับบ่งบอกถึงการทำงานของตับและการอักเสบของตับ และดูการทำงานของตับว่าผิดปกติหรือไม่ ค่าเอนไซม์ที่มักตรวจได้แก่
AST (Aspartate Aminotransferase) และ ALT (Alanine Aminotransferase)
- ค่าปกติ : 10-40 U/L (ทั้ง AST และ ALT)
ค่าสูงเกินไปบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของปัญหาตับ เช่น การอักเสบหรือตับอักเสบเรื้อรัง
ค่าการทำงานของไต (Kidney Function) : การทำงานของไตเป็นการวัดว่าร่างกายกำจัดของเสียและรักษาสมดุลน้ำในร่างกายได้ดีเพียงใด ซึ่งเป็นการวัดด้วยกัน 2 ค่า ได้แก่
- ค่า BUN (Blood Urea Nitrogen) ค่าปกติ : 7-20 mg/dL
- ค่า Creatinine ค่าปกติ : 0.6-1.2 mg/dL (ขึ้นกับเพศและอายุ)
หากค่าเหล่านี้สูงเกินปกติอาจบ่งชี้ว่าร่างกายขาดน้ำหรือมีปัญหาในการทำงานของไต หรือการกรองของเสียในไตอาจมีปัญหา
กรดยูริก (Uric Acid) :กรดยูริกเป็นผลพลอยได้จากการสลายตัวของพิวรีน ซึ่งเป็นสารที่พบในอาหารบางชนิด เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากระดับกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการสะสมในข้อต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเกาต์ (Gout) หรือปัญหาเกี่ยวกับไตได้
- ค่าปกติขอกรดยูริกในเลือด : ผู้ชาย : 3.4-7.0 mg/dL , ผู้หญิง : 2.4-6.0 mg/dL
ค่าที่สูงกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ นิ่วในไต หรือปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญพิวรีน หากมีค่าต่ำกว่าปกติ อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนต่ำหรือมีปัญหาในการขับกรดยูริกออกจากร่างกาย
การตรวจปัสสาวะ (Urine Analysis : UA) : การตรวจปัสสาวะสามารถบอกถึงปัญหาทางเดินปัสสาวะ โรคเบาหวาน การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และโรคไตได้ โดยเป็นการตรวจลักษณะทางกายภาพ สี กลิ่น ความใสของน้ำ สารเคมีหรือสารเจือปนต่างๆ ที่อยู่ในปัสสาวะ
แพทย์เผย “ยาต้านเศร้า” รักษาโรคซึมเศร้า ควรทานนานแค่ไหน?
การติดตามและตรวจสุขภาพซ้ำ (Follow-Up) เมื่อรู้ถึงความหมายของตัวเลขจากผลตรวจสุขภาพของเราแล้ว หากพบความผิดปกติก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ตัวเลขกลับมาอยู่ในค่าที่ปกติ แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไม่ใช่สิ่งที่เห็นผลได้ในทันที แต่ควรติดตามผลตรวจสุขภาพทุก 3-6 เดือนเพื่อเช็คผลลัพธ์ เช่น ถ้าค่าคอเลสเตอรอลลดลงหลังปรับพฤติกรรม นั่นแสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว การตรวจซ้ำจะช่วยให้เรามั่นใจว่าเราอยู่ในเส้นทางการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง และปรับพฤติกรรมได้ตามต้องการ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรับปีใหม่
สุขภาพดีไม่ใช่แค่การอ่านค่าตัวเลขให้ถูกต้อง แต่เป็นการใส่ใจดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น การตรวจสุขภาพเป็นการติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและเป็นโอกาสที่เราจะได้ปรับปรุงตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าผลตรวจของเราจะเป็นอย่างไร การใส่ใจดูแลสุขภาพจากภายในคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ค่าผลตรวจสุขภาพทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่ค่าจากการตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น บางค่าเฉลี่ยมาตรฐานอาจไม่ตรงกับบางคนเสมอไป เนื่องจากการตรวจยังต้องอาศัยการพบแพทย์เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกายด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อประกอบการวินิจฉัย และสุขภาพพื้นฐานของแต่ละคนด้วย หากแพทย์พบความผิดปกติหรือประเมินแล้วว่าอาจมีความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ นอกเหนือจากการตรวจสุขภาพเบื้องต้น อาจแนะนำให้ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
วิธีลดเสี่ยงความดันโลหิตสูง เลือกอาหาร ออกกำลังกาย ช่วยสมดุลสุขภาพ
ปัญหาการนอนของผู้สูงอายุ หลับๆตื่นๆ นอนไม่หลับ อาจเกี่ยวข้องกับ โรคแทรกซ้อน