ความดันโลหิตสูง เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนสมอง หลอดแข็งหัวใจ และไต เรื้อรังอันตราย!
ความดันโลหิต เป็นแรงผลักดันให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกาย จึงควรรักษาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะความดันโลหิตสูงจะทำให้เกิดหลอดแข็งและตีบ
กลไกของการเกิดความดันโลหิต
หัวใจบีบตัวหัวใจจะบีบเลือดไปยังหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดความดันโลหิตซึ่งเกิดจากการบีบตัวของหัวใจ และแรงต้านทานของหลอดเลือด หัวใจคนเราเต้น 60-80 ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัว และลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ความดันโลหิตของคนเราไม่เท่ากันตลอดเวลาขึ้นกับท่า ความเครียด การออกกำลังกาย การนอนหลับ ค่าความดันโลหิตปกติของคนเรา คือ 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่ไม่ควรเกิน 140/90 หากสูงกว่านี้แสดงว่าคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง
“ความดันโลหิตสูง” กว่า 95% เป็นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่มีปัจจัยร่วมจากพฤติกรรม
เช็กระดับความดันโลหิต วิธีเตรียมตัวก่อนวัดความดัน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคอัมพาต โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราตายสูง ดังนั้นการป้องกันความดันโลหิตสูงสามารถป้องกันอัตราการตายจากโรคหัวใจ และโรคอัมพาต โรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตของทุกท่านเนื่องจากไม่มีอาการเตือน ดังนั้น การจะทราบว่าเป็นความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องวัดความดันโลหิต
เมื่อไรจึงจะเรียกว่าความดันโลหิตสูง
คนปกติจะมีความดันโลหิต 120/80 มิลลิเมตรปรอท หากความดันโลหิตตัวบนมากกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท หรือ ความโลหิตตัวล่างเกิน 90 มิลลิเมตรปรอท จะเรียกว่า ความดันโลหิตสูง สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตระหว่าง121/81-139/89 มิลลิเมตรปรอท ยังไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูงแต่มีโอกาศที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงในอนาคตซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เมื่อท่านตรวจพบความดันโลหิตสูงถ้าไม่สูงมากอาจจะไม่จำเป็นต้องรับประทานยา แต่หากสูงมากก็จำเป็นต้องรับประทานยา ตารางข้างล่างจะเป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วย
สาเหตุการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
- ส่วนมากมักพบได้ในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอายุตั้งแต่ 40 – 50 ปีขึ้นไป
- พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเล็กน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังหมดประจำเดือนพบได้บ่อย
- พบมากในคนอ้วน แต่ในคนผอมก็พบบ้างเหมือนกัน
- อาจเนื่องจากกรรมพันธุ์ประมาณ 30-40%
- บุคคลที่มีอารมณ์รุนแรง เคร่งเครียด ตื่นเต้น ตกใจง่าย ดีใจ เสียใจ อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจจะกระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วคราวใน ตอนแรก แล้วจะค่อยลดลง แต่ถ้าเกิดป่วยและนานเข้า ความดันโลหิตก็จะสูงอย่างถาวร ซึ่งถ้าสูงมากก็เป็นอันตรายได้
ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องโรคความดันโลหิตสูง มักจะถูกแพทย์สั่งให้รับประทานอาหารจำกัดเกลือ และอาหารไทยเป็นอาหารที่รสออกเค็ม ทั้งในด้านการปรุง และการถนอมอาหาร การจำกัดเกลือทำให้อาหารมีรสจืดชืดมาก เป็นเหตุให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการขาดอาหารได้ ถ้าต้องจำกัดอยู่นาน เพราะฉะนั้นการปรุงอาหาร ควรใช้เครื่องปรุงชนิดอื่นเข้าช่วย เช่น น้ำตาล, น้ำส้ม, น้ำมะนาว, น้ำมะขาม, เครื่องเทศ พืชบางอย่าง เป็นต้น
5 พฤติกรรมเสี่ยงความดันสูง จุดเริ่มต้นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย
ทำไมต้องรักษาความดันโลหิตสูง
เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงมักจะไม่มีอาการ แต่โรคความดันโลหิตสูงสามารถทำให้เกิดโรคแก่ร่างกาย เช่น ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักอาจจะทำให้เกิดโรคหัวใจวาย โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคอัมพาต และยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ผู้ที่ไม่ได้รักษาความดันโลหิตสูงจะมีผลดังนี้
ผลกระทบต่อสมอง
- มีโอกาสเกิดโรคอัมพาตเพิ่มขึ้น 7 เท่า
- โอกาสเกิดเลือดออกในสมองเพิ่ม
- โอกาสเกิดสมองขาดเลือดเพิ่ม
ผลกระทบต่อหัวใจ
- โอกาสเกิดโรคหัวใจวายเพิ่มขึ้น 6 เท่า
- มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น 3 เท่า
ผลกระทบต่อไต
- เพิ่มความเสี่ยงการเกิดไตเสื่อม
- ผลกระทบต่อเส้นเลือด
- เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดแข็ง
วิธีห่างไกลโรคความดันโลหิตสูง
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- เลือกอาหารมี่มีเกลือต่ำ
- ให้ลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
- งดบุหรี่ เป็นวิธีการที่ได้ผลดีในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- จัดการเรื่องความเครียด
- รับประทานอาหารที่มีคุณภาพโดยการลดอาหารเค็ม ลดอาหารมันเพิ่มผักผลไม้โดยการรับประทานอาหารลดความดันโลหิต
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่เพราะมียาบางตัวทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
- การจะใช้ยาคุมกำเนิดต้องปรึกษาแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา
ตัวเลขหลังวัดความดันโลหิต ข้างบน-ข้างล่าง คืออะไร? แบบไหนเรียกความดันสูง?
“อหิวาต์” โรคท้องเสียอย่างรุนแรง ในรายที่ติดเชื้อหนักอาจเสียชีวิตได้