ตัวเลขหลังวัดความดันโลหิต ข้างบน-ข้างล่าง คืออะไร? แบบไหนเรียกความดันสูง?
ความดันโลหิตสูง หนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ กว่าจะรู้ตัวก็สร้างความเสียหายหลอดเลือดและหัวใจ ภาวะแทรกซ้อนอันตรายแล้ว เผยค่าความดันโลหิต ตัวบนและตัวล่าง แบบไหนคือค่าความดันสูงต้องรีบรักษา
“โรคความดันโลหิตสูง” หนึ่งในโรคที่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุเป็นภัยเงียบที่มีความน่ากลัวต่อร่างกาย เพราะยิ่งอายุเพิ่มขึ้นก็ยิ่งเสี่ยงความดันโลหิตสูงมากขึ้น โดยความน่ากลัวของโรคนี้คือมักไม่มีอาการแสดง กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ตัวโรคก็สร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดและหัวใจแล้ว
ความดันโลหิต เป็นค่าความดันของกระแสเลือดที่เกิดจากกระบวนการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยค่าความดันโลหิตสามารถวัดได้ 2 ค่า
5 พฤติกรรมเสี่ยงความดันสูง จุดเริ่มต้นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย
เช็กระดับความดันโลหิต วิธีเตรียมตัวก่อนวัดความดัน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

- ค่าความดันช่วงบน (Systolic Blood Pressure (SBP)) คือ ค่าความดันโลหิตจากการบีบตัวของหัวใจ
- ค่าความดันช่วงล่าง (Diastolic Blood Pressure (DBP)) คือ ค่าความดันโลหิตจากการคลายตัวของหัวใจ
ซึ่งหากเกิดความผิดปกติของค่าความดันโลหิต เราจะเรียกภาวะนั้นว่า “ความดันโลหิตสูง” หรือ “ความดันโลหิตต่ำ”
ระดับความดันแบบไหน “ความดันโลหิตสูง”
ความดันโลหิตสามารถวัดค่าได้โดยใช้เครื่องวัดความดัน ซึ่งค่าที่แสดงผลออกมาจะมีหน่วยเป็น (มม./ปรอท) สามารถแบ่งได้ดังนี้
- ค่าความดันช่วงบน น้อยกว่า 120 และค่าความดันช่วงล่าง น้อยกว่า 80 ถือว่าความดันปกติ
- ค่าความดันช่วงบน อยู่ระหว่าง 120 - 139 และค่าความดันช่วงล่าง อยู่ระหว่าง 80 - 89 ถือว่าความดันสูงเล็กน้อย
- ค่าความดันช่วงบน อยู่ระหว่าง 140 - 159 และค่าความดันช่วงล่าง อยู่ระหว่าง 90 - 99 ถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูงระยะที่ 1
- ค่าความดันช่วงบน มากกว่า 160 และค่าความดันช่วงล่าง มากกว่า 100 ถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูงระยะที่ 2 หรือระยะอันตราย
ทั้งนี้ การวัดค่าความดันโลหิตด้วยเครื่องวัดความดันควรวัดซ้ำ 2 - 3 ครั้ง เพื่อเป็นการตรวจเช็คว่าค่าความดันโลหิตไม่ผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อน
ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการแสดง หรือหากมีจะมีเพียงอาการปวดหัว เวียนหัว มึนงง ปวดท้ายทอย หรือเหนื่อยง่ายผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยให้มีภาวะความดันโลหิตสูงนานๆ และไม่ทำการรักษา อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะสำคัญต่างๆ ในร่างกายได้
“ความดันโลหิตสูง” กว่า 95% เป็นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่มีปัจจัยร่วมจากพฤติกรรม
ความดันโลหิตสูงปล่อยไว้อันตรายถึงชีวิต
- ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงโดยตรง เช่น หัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง
- ภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดตีบตัน หากเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น ไต สมอง หรือหัวใจ อาจทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น การเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดในสมองตีบหรืออุดตัน หรือไตวาย เป็นต้น
หากทราบว่าตนเองเสี่ยงที่จะมีภาวะความดันโลหิตสูง ควรที่จะได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะภาวะนี้มักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า นอกจากนี้การตรวจสุขภาพประจำปีก็เป็นส่วนช่วยในการป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงได้ เนื่องจากเป็นการคัดกรองความผิดปกติ เพื่อให้รู้ความเสื่อมถอยของร่างกาย หากรู้ไวทางเลือกในการป้องกันและการรักษาย่อมมีมากกว่า!
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
แพทย์แนะวิธีเช็ดตัวช่วยให้ไข้ลดเร็วที่สุด ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
อาบน้ำไม่เกิน 10 นาที! 1 ใน 7 เคล็บลับดูแลผิวหน้าหนาว ไม่แห้งกร้านเป็นขุ่ย