เทคนิคดูแลสุขภาพ ช่วยถนอมไต ห่างไกลโรคไตเรื้อรังบั่นทอนสุขภาพ
ไรคไต “เป็นแล้วไม่หาย ค่าใช้จ่ายสูง ต้องระวังสุขภาพแบบสุดๆ” แพทย์เผยวิธีช่วยถนอมสุขภาพ อาหารและเครื่องดื่มที่ควรกินอย่างเหมาะสม และ การออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพโดนรวม
“เป็นแล้วไม่หาย ค่าใช้จ่ายสูง ต้องระวังสุขภาพแบบสุดๆ” เหล่านี้ทำให้โรคไตเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะผู้ป่วยไตเรื้อรังจะต้องป่วยตลอดชีวิต อีกทั้งการรักษา ชะลอโรค ยังต้องทั้งเสียเวลา และทรัพย์สิน อีกทั้งยังบั่นมอนสุขภสพด้วย แพทย์เผยวิธีถนอมไต ให้แข็งแรง
“อาหาร-เครื่องดื่ม” ตัวแปรสุขภาพ
- อาหารเค็ม
องค์การอนามัยโลก แนะนำให้บริโภคเกลือประมาณ 2,000 มิลลิกรัม/วัน

ขณะที่ อาหารไทย 1 อย่างส่วนใหญ่มีเกลืออย่างน้อย 2 เท่าของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน เช่น น้ำปลา 1 ช้อนชา มีเกลือ 400 มก. วันหนึ่งจึงไม่ควรกินเกิน 5 ช้อนชา ดังนั้น สิ่งที่เราสามารถเริ่มได้ด้วยตัวเองคือทำอาหารกินเอง เลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น
- อาหารหวาน
องค์การอนามัยโลก แนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่ควรเกิน 25 กรัม หรือ 6 ช้อนชาต่อวัน ควรลดปริมาณขนม น้ำหวาน ผลไม้ที่มีรสหวาน ส่วนอาหารจำพวกแป้งและพืชผักชนิดหัวที่มีปริมาณน้ำตาลมาก อย่าง เผือก มัน ไม่ควรกินเยอะเกินไป
คุมน้ำหนักไม่ให้เสี่ยงโรคไต
เราควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ และดัชนีมวลกายหรือค่า BMI อยู่ระหว่าง 18-25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
- ผู้ชาย รอบเอวไม่ควรเกิน 90 ซม. หรือ 35.5 นิ้ว
- ผู้หญิง รอบเอวไม่ควรเกิน 80 ซม. หรือ 31.5 นิ้ว
จึงควรควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ประมาณวันละ 30 นาที หรืออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สิ่งสำคัญคือเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับร่างกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และโปรตีนสมดุลกับกิจกรรมหรือชนิดกีฬาที่เลือก เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและพักผ่อนเพียงพอ
แนวทางการออกกำลังกาย
- การออกกำลังกายที่เน้นความแข็งแรงของหัวใจ (Cardio Vascular) หรือคาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายที่เน้นกระตุ้นการเต้นของหัวใจ บริหารระบบไหลเวียนโลหิต เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ
- การออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Weight Training) หรือเวทเทรนนิ่ง เป็นการใช้น้ำหนักเพื่อให้เกิดแรงต้านทาน อาจใช้อุปกรณ์อย่างดัมเบล บาร์เบล หรืออุปกรณ์ขนาดใหญ่
- การออกกำลังกายแบบยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ (Flexibility exercises) เช่น โยคะ รำมวยจีน
โปรตีนแค่ไหน เรียกว่าสมดุล
- ผู้ที่นั่งทำงานอยู่กับที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ควรได้รับโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
- ผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอ ควรได้รับโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.
- ผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอและเวทเทรนนิ่ง ควรได้รับโปรตีน 1.5-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. สำหรับผู้หญิง และ 2-3 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.ในผู้ชาย อาทิ อกไก่ 100 กรัม มีโปรตีนประมาณ 23-25 กรัม ถ้าน้ำหนักตัว 50 กก.ต้องรับประทานอกไก่ 300 กรัม สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาดิโอ
ปริมาณโปรตีนที่กล่าวไปนั้น ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคไต หรือไตเสื่อม เพราะผู้ป่วยไตเสื่อมจะต้องการโปรตีนเพียง 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ซึ่งปริมาณโปรตีนจะขึ้นอยู่กับระดับความเสื่อมของไต เพราะเมื่อโปรตีนถูกเผาผลาญแล้วไตจะทำหน้าที่ขับของเสียนั้นออกจากร่างกาย แต่ถ้าไตเสื่อม ขับของเสียได้จำกัดและปริมาณของเสียมากจะส่งผลให้ของเสียค้างในเลือดสูง
ส่วน “เวย์โปรตีน” ที่มักได้ยินในกลุ่มผู้ออกกำลังกาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโปรตีนประมาณ 80% ซึ่งเป็นลักษณะของอาหารเสริมที่เน้นความสะดวกในการบริโภค แต่ทั้งนี้หากเราได้รับโปรตีนตามธรรมชาติจากการรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ และนม ในปริมาณที่เพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานเวย์โปรตีนเพิ่ม เพราะนอกจากเสียค่าใช้จ่ายแล้ว ยังทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนมากเกินความต้องการอีกด้วย
ใช้ยาและสารเคมี ต้องระวังให้ดี
เราอยู่ในประเทศที่หาซื้อยาได้ง่าย ทำให้ส่วนใหญ่บรโภคยาเกินความจำเป็น และมักมีผลต่อการทำงานของไตคือ “ยาแก้ปวด” ซึ่งผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว อย่างการปวดขา เกาต์ มักซื้อยามากินเอง เพิ่มความเสี่ยงให้ได้ทำงานน้อยลง
นอกจากนี้ สมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดที่รับประทานแล้วทำให้ไตเสื่อม หรือบางกรณีของผู้ที่เป็นไตเสื่อมและเลือกไปรับประทานยาสมุนไพร มีผลให้ความเสื่อมเพิ่มขึ้นได้ โดยควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพื่อให้ไตและสุขภาพโดยรวมแข็งแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3