รวมลิสต์อาหาร ผัก ผลไม้ -สมุนไพร ล้างพิษตับ-ป้องกันและชะลอโรคตับ
รวมอาหารบำรุงตับ ล้างพิษ ให้แข็งแรง หากตับแข็งแรง ร่างกายจะสมดุล ห่างไกลโรค
ตับ ของคนเราเปรียบเสมือนหอคอยสั่งการ และช่วยเหลืออวัยวะอื่น ๆ และไม่มีใครสามารถหาใครมาทำทดแทนได้ เพราะทั้งปรับทั้งสร้างสมดุล จึงเป็นส่วนที่เราควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนสำคัญโดยตรงกับตับ แล้วกินแบบไหนล่ะ ? ถึงจะช่วยล้างพิษให้ตับ สดใส แข็งแรง สำหรับการกินอาหารเพื่อถนอมรักษาตับ ประเด็นที่สำคัญ คือ ป้องกันโรคอ้วน และหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีคาร์โบโฮสูงต่อเนื่องในปริมาณมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุกระตุ้นให้มีไขมันแทรกในตับได้มากขึ้น
เช็กสัญญาณ“ไขมันพอกตับ”จุดเริ่มต้น ตับแข็ง – มะเร็งตับ คนผอมก็เสี่ยงได้!
10 อาการเตือนเสี่ยง “โรคตับ” ตัวเหลือง-ตาเหลือง-อาการคัน ใช่หรือไม่?
- ผักใบเขียว ไม่ว่าจะเป็นผักโขม ผักกาดหอม รวมถึงผักใบเขียวชนิดอื่นๆ มีคุณสมบัติป้องกันการเกิดโลหะหนักในตับและชะล้างสารเคมีที่สะสมในตับ โดยเฉพาะสารเคมีประเภทยาฆ่าแมลงที่ร่างกายมักจะได้รับจากการบริโภคอาหารที่ไม่สะอาด
- ชาเขียว ถือว่าเป็นมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างดีเยี่ยม ช่วยในเรื่องของการบำรุงตับด้วย แถมยังมีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็งตับได้เป็นอย่างดี
- ผักประเภทหัว อาทิ กะหล่ำ บล็อกโคลี มันเทศ ที่มีกลูโคโซโนเลต สารอาหารที่หาได้จากพืชผัก แต่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลิตเอนไซมน์ในตับอ่อนเพื่อช่วยต่อต้านสารพิษ และยังมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อย ที่สามารถล้างสารพิษออกจากตับได้ดี
- ลิ้นจี่ อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน กลูโคส ซูโครส วิตามิน เอ, บี, และกรดซิตริก โดยตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน ลิ้นจี่ถือเป็นผลไม้ทีมีฤทธิ์อุ่น ช่วยบำรุงตับและบรรเทาอาการตับอักเสบได้คำแนะนำคือ ผู้ที่มีอาการคอแห้ง เจ็บคอ ปวดฟัน หรือท้องผูกไม่ควรรับประทานลิ้นจี่ในปริมาณที่มาก เพราะลิ้นจี่มีฤทธิ์อุ่น ซึ่งอาจส่งผลให้อาหารเหล่านี้ทาวีคูณนั่นเอง
- แครอท อุดมไปด้วยวิตามินหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ, บี1, บี2, ซี, ดี และวิตามินเค รวมทั้งยังมีกรดโฟลิก ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี และทองแดง ในด้านการแพทย์แผนจีนนับว่าแครอทเป็นผักที่มีฤทธิ์อุ่น จึงช่วยบำรุงตับ บำรุงเลือด ได้ดี และช่วยแก้อาการอาหารไม่ย่อยได้อีกด้วย
- เกรปฟรุต ผลไม้ชนิดนี้อุดมไปทั้งวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็น 2 ตัวช่วยที่สำคัญในการล้างพิษตับ และช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ
- อะโวคาโด นอกจากกรดไขมัน โอเมก้า3 และ6 ที่อุดมอยู่ในอะโวคาโดแล้ว กลูต้าไธโอนยังเป็นจุดเด่นของอะโวคาโดอีกด้วย สิ่งนี้คือสิ่งที่ช่วยดูแลตับได้เป็นอย่างดี ช่วยล้างพิษที่สะสมในตับได้ดีเยี่ยม
- วอลนัท สิ่งที่ตับต้องการจากวอลนัทก็คือ กรดไขมันโอเมก้า3 และกลูค้าไธโอน ตัวช่วยสำคัญในกระบวนการขับสารพิษออกจากตับ ช่วยบำรุงการทำงานของตับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ขมิ้นชัน นอกจากช่วยขับพิษสะสมในตับแล้วสรรพคุณของขมิ้นชันบังช่วยบำรุงฟื้นฟู และล้างสารพิษออกจากตับได้ เราสามารถเลือกรับประทานขมิ้นชันแบบแคปซูลก่อนนอน เพื่อบำรุงตับ และควรกินวันละ 5,000-8,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- เก๋ากี้ สุดยอดของแหล่งสารอาหาร ประโยชน์ของเก๋ากี้ไม่สามารถบรรยายตรงนี้ได้คบ เอาเป็นว่าช่วยป้องกันไขมันพอกตับ ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น
- กระเทียม เนื่องจากมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์ตัวที่ช่วยขับสารพิษออกไป อีกทั้งกระเทียมยังมีสารอัลลิซิน และ ซีลีเนียม สององค์ประกอบนี้เป็นส่วนสำคัญจากธรรมชาติที่ช่วยดีท็อกซ์พิษตับออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ
- มะขามป้อม ซึ่งวิตามินซีในมะขามป้อมจะช่วยรักษาอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ป้องกันการเกิดพิษโลหะหนักในตับ และลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับได้
อย่าลืมที่จะกินอาหารให้ครบ 5 หมู่หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอย่างแอลกอฮอล์และมลพิษทางอากาศหรือสารพิษต่างๆ
นักดื่มระวัง! “ตับวาย”อันตรายถึงชีวิต ไขปัจจัยเสี่ยงและอาการสังเกตโรค
นอกจากอาหารล้างตับแล้ว อาหารบำบัดโรคตับ สำหรับผู้ป่วยก็สำคัญ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
- อาหารบำบัดโรคตับอักเสบ ขณะที่ผู้ป่วยเบื่ออาหารอาจช่วยได้โดยให้อาหารเหลวแต่มีคุณค่ามาก เช่น อาหารที่ทำจากไข่ นม น้ำตาล ไอศครีม เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น จัดอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนให้
- อาหารบำบัดโรคตับแข็ง แพทย์จะสั่งเพิ่มหรือลดปริมาณโปรตีนให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน
- ระยะแรกของการเป็นตับแข็งที่ยังไม่มีผลทางสมอง สามารถได้รับปริมาณโปรตีน หรือเนื้อสัตว์ไม่แตกต่างจากคนทั่วไปประมาณวันละ 6 - 12 ช้อนโต๊ะ
- ตับแข็งที่มีอาการทางสมองร่วมด้วย จะลดให้มาเหลือประมาณวันละ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ หรืองดโปรตีนไประยะหนึ่ง
เลือกรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่มีโปรตีนต่ำ เช่น วุ้นเส้น แป้งซาหริ่ม เส้นเซี่ยงไฮ้ แป้งสาคู แป้งมัน
- อาหารบำบัดโรคมะเร็งตับช่วงแรก ควรได้รับโปรตีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จากเนื้อสัตว์ บริโภคไขมันแต่น้อย เพื่อป้องกันภาวะแน่นท้อง ท้องอืด เกิดแก๊สในทางเดินอาหาร หากมีอาการบวมน้ำ รับประทานคาร์โบไฮเดรตประเภทข้าว น้ำหวาน (เพิ่มได้ในรายที่ไม่เป็นเบาหวาน) ไม่ควรบริโภคธัญพืช ผักใบเขียวมากเกินไป เพราะจะเกิดอาการแน่นท้องมากขึ้น ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการทางระบบประสาทควรปรึกษาแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโลและ sriwilaihos
“อ้วนลงพุง” พฤติกรรมก่อโรคเรื้อรัง มะเร็ง- เบาหวาน - ไขมันพอกตับ
‘ยาแก้ปวด’ กินเกินขนาด ไม่หายปวดหัวแถมตับพัง แนะปริมาณยาที่เหมาะสม