เพียวมัทฉะ เมนูยอดฮิตเพื่อสุขภาพ แอนติออกซิแดนท์เข้มข้นกว่าชาเขียวปกติ
กระแสชาเขียวฟีเวอร์ ดูเหมือนจะไม่มีวันหยุดในไทย ด้วยรสชาติเฉพาะตัวจึงเป็นเมนูยอดฮิตไม่ว่าจะนำไปทำขนมหรือเครื่องดื่ม ล่าสุดกระแส เพียวมัทฉะกำลังมา เผยประโยชน์และข้อแตกต่างกับชาเขียวปกติที่ไม่ควรพลาด
ชาเขียวเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนไทยมานานหลายปีและยังมีท่าทางว่ายังอยู่ในกระแสความนิยมต่อไปอีกนานเลย ทั้งเครื่องดื่มและขนมต่างๆ แต่ท่านผู้อ่านทราบไหมคะว่าจริงๆแล้วเจ้ามัทฉะกับชาเขียวมันไม่เหมือนกัน แต่มันต่างกันยังไง มาดูกันเลยค่ะ มัทฉะกับชาเขียว มาจากต้นชนิดเดียวกัน คือ Camellia Sinensis แต่แตกต่างกันที่กรรมวิธีการผลิต
- ชาเขียวธรรมดา ที่เรารู้จักกันนั้นมักใช้ในรูปแบบใบ ซึ่งจะนำมาทำให้แห้งหรือใส่ในถุงชา ก่อนที่จะนำไปต้มในน้ำร้อนระยะเวลาหนึ่ง
สารในชาเขียว ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันน้ำตาลในเลือดลดเสี่ยงโรคมะเร็ง
“ชาเขียว” ออกฤทธิ์ช่วยลดความอ้วนและระดับน้ำตาลในเลือด

- มัทฉะ นั้นจะเริ่มแตกต่างตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงดูเลยทีเดียว ก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 20 - 30 วัน มัทฉะจะถูกคลุมด้วยตาข่ายที่ช่วยป้องกันแสง เพื่อเป็นการทำให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์และสารประกอบภายในมากขึ้น คล้ายๆกับการที่คนไทยปลูกมะนาวแล้วมีการงดน้ำช่วงหนึ่งเพื่อให้ต้นมะนาวขาดน้ำ และกระตุ้นให้มันออกผลมากขึ้นหลังจากนั้นใบชาที่มีสีเขียวเข้มนั้นก็จะถูกนำมาบด และกากใยออกจนหมด และในที่สุดเราก็จะได้ผงมัทฉะที่มีสีสันสดใสกว่าปกติออกมา
ชาเขียวมัทฉะ ยังมีสารสำคัญเช่นเดียวกับที่พบในชาเขียว โดยเฉพาะสารอีพิกัลโลคาเทชินกัลป์เลต ทำให้สามารถต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งอุดมไปด้วยวิตามิน A, วิตามิน C และวิตามิน E ที่ช่วยชะลอวัยทำให้ดวงตาและผิวพรรณสดใส
ดังนั้นสรุปได้ง่ายๆว่า ชาเขียวทั่วๆไป คือ ใบชา แต่มัทฉะ นั้นคือผงที่ได้จากการบดใบชาเขียวที่มีคุณภาพสูงกว่า มีแอนติออกซิแดนท์สูงกว่า เสมือนเป็นการดื่มใบชาทั้งใบ โดยจะมีสีเขียวสดใสกว่าชาเขียวหรือผงชาเขียวทั่วๆไป ทั้งรสชาติก็มักจะเข้มข้นกว่าอีกด้วย
วิธีการรับประทานชา 2 ประเภท
- ชาเขียว ปกติจะมาในรูปแบบของใบชาแห้ง โดยต้องนำใบชามาชงหรือต้มและกรองก่อนนำไปดื่มเป็นเครื่องดื่มร้อนเย็น หรือปั่น แต่ไม่เหมาะที่จะนำไปทำขนมหรือไอศกรีม
- ชาเขียวมัทฉะ เป็นส่วนของใบชาที่บดเป็นผงคล้ายผงแป้งสามารถละลายในน้ำได้ มีความเข้มข้นมาก และดื่มได้ทันทีโดยไม่ต้องกรอง แต่ด้วยรสชาติที่ขมเล็กน้อยทำให้การดื่มชาเขียวมัทฉะจึงต้องเติมนมลงไปด้วย เพื่อให้ได้รสชาติที่นุ่มกลมกล่อม และดื่มง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเอาไปทำขนมหรือไอศกรีมได้ด้วย
เพียวมัทฉะ เมนูยอดฮิตที่ผู้คนให้ความสนใจ เมนูเครื่องดื่มที่สายรักสุขภาพหรือชาวชอบความเข้มข้นหันมาดื่ม ตัวผงมัทฉะผสมกับน้ำโดยไม่เติมน้ำผึ้งหรือน้ำตาล ทำให้กลายเป็นขวัญใจของใครหลายคนด้วยรสชาติที่เข้มข้น สร้างเอนเนอจีความสดชื่นได้ไม่แพ้กาแฟ แถมหลายคนยังสังเกตว่าสุขภาพตัวเองดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า หากปราศจากน้ำตาลครีมเทียม คุณจะได้รับประโยชน์จาก มัทฉะไปเต็มๆ แบบเพียวๆ
มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า คาเตชิน อยู่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว สูงมากกว่าในชาเขียวทั่วๆไปถึง 137 เท่า และมากกว่าในชาเขียวอย่างดีชนิดอื่นๆถึง 3 เท่าเลยทีเดียว แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือ มีการศึกษาพบว่า ชาเขียวนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยมีผลช่วยในการลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
ดังนั้นนอกจากการเลือกทานอาหาร เพิ่มกิจวัตรประจำวันแล้ว การหันมาจิบชายามบ่าย หรือลองเปลี่ยนเมนูเครื่องดื่มของคุณบ้างก็อาจเป็นอีกทางที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายได้ แต่อย่าลืมนะคะว่า เมนูมัทฉะส่วนมากมักเป็นขนมหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนที่จะทานเราก็ต้องคิดให้ดีก่อนนะคะ ถ้าอยากทานขนมก็สามารถทานได้แต่อยากให้ระมัดระวังเรื่องความถี่และปริมาณที่รับประทานด้วย แต่ถ้าอยากจะให้ได้สารอาหารเต็มที่อยากจะแนะนำให้ดื่มเป็นชาโดยไม่ผสมน้ำตาล
เลือกซื้อมัทฉะแบบไหนดี?
ตัวผงมัทฉะที่หาซื้อได้ในท้องตลาดก็จะแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ
- ผงมัทฉะอย่างดี (Premium Grade) ซึ่งมาจากใบชาที่อ่อนที่สุดและมักใช้ในพิธีชงชาในประเทศญี่ปุ่น
- ผงมัทฉะที่ใช้ประกอบอาหาร (Culinary Grade) จะมาจากใบชาที่อ่อน แต่ยังไม่เท่ากับตัว Premium Grade ซึ่งแน่นอนว่ามีราคาที่ต่ำกว่า
อย่างไรก็ตามควรเลือกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย
ชาเขียวกับมัทฉะไม่เหมือนกัน! แต่สารต้านอนุมูลอิสระคับแก้ว!
วิธีการชงเพียวมัทฉะแบบง่ายๆ
ใช้ผงมัทฉะยี่ห้อที่ชอบประมาณ 2 ช้อนชาผสมกับน้ำร้อนประมาณ 240 มิลลิลิตร (1 ถ้วย) เมื่อผสมให้เข้ากันแล้ว ถ้าท่านไหนยังไม่ชินกับรสชาติที่ออกจะขมเล็กน้อย อาจจะเติมน้ำตาลซักนิดหน่อย หรือลองใช้วิธีผสมกับน้ำร้อนในอัตราส่วนที่น้อยลงแล้วเติมนมลงไปแทนเพื่อให้ได้ความหวานตามธรรมชาติจากนมก็จะทำให้ทานง่ายขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยฯ และ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์
ชาขาว และ ชาเขียว ต่างกันอย่างไร? เปิดประโยชน์และกรรมวิธีผลิต
5 สมุนไพรช่วยฟอกปอด จากฝุ่น PM2.5 ลดอักเสบการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง