เครียดจิตตกช่วงโควิด-19 จิตแพทย์แนะ3วิธีรับมือสู้ไวรัสร้ายทุกระลอก
โควิด-19 ทำลายสุขภาพกายใจ แพทย์เผยวิธีผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ทำให้ทุกคนเกิดความเครียดและความกังวลใจ จากหลายปัจจัยหลากหลายสาเหตุ ซึ่งการรับมือดูแลจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ จิตแพทย์จึงแนะนำการจัดการความเครียดอย่างถูกวิธีเพื่อผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้
ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นเป็นกลไกธรรมชาติของมนุษย์ในการเผชิญวิกฤติ เป็นกลไกโดยธรรมชาติที่ช่วยให้มนุษย์เตรียมตัว วางแผน และรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จัก"เดลตาครอน" โควิด-19ลูกผสมตัวใหม่ที่โลกจับตา
อังกฤษอนุมัติยา“Evusheld”ให้คนภูมิคุ้มต่ำ-มีข้อจำกัดวัคซีน ป้องกันโควิด
แต่ถ้ามีใครสักคนที่ไม่รู้สึกเครียด ไม่กลัวติดเชื้อ ไม่สนใจว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร กลุ่มนี้ถือว่าผิดปกติและอาจนำพาไปสู่ความเสี่ยงมากมายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังนั้นการที่รู้สึกเครียด กังวล กลัว ตื่นตระหนกนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิด และควรจะเป็นแบบนั้นเพื่อที่ทุกคนจะได้หาข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ มีการวางแผน และเตรียมการอย่างถูกวิธี
ครม.เคาะ 8,458 ล้านบาท จ่ายค่าเสี่ยงภัยโควิด - ซื้อยาแพกซ์โลวิด "ไฟเซอร์"
สัญญาณความผิดปกติทางอารมณ์
-อารมณ์เปลี่ยนแปลง แปรปรวน
-กลัว เครียด กังวล
-เบื่อ เฉยชา
-หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย
-นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท
-ฝันร้ายต่อเนื่องเรื้อรัง
-พฤติกรรมการกินผิดปกติ บางรายกินไม่ลง บางรายกินมากผิดปกติ
-รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่สดชื่น เฉื่อยชาลง
-ลดกิจกรรมลงอย่างชัดเจน เบื่อ ไม่อยากทำอะไร
-สมาธิจดจ่อไม่ดี หลง ๆ ลืม ๆ ทำงานบกพร่องสูญเสียการตัดสินใจ
-บางคนดื่มแอลกอฮอล์หนักขึ้น หรืออาจมีการสูบบุหรี่หรือใช้สารเสพติดมากขึ้น
-ผู้ป่วยที่มีโรคทางกาย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ ในระยะนี้อาการอาจกำเริบแปรปรวน เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ปวดตามตัวหรือมีผื่นขึ้น ตื่นตระหนก ฯลฯ
-เริ่มรู้สึกท้อแท้หมดหวัง รู้สึกไร้ค่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่
สิ่งสำคัญคือ คนจำนวนมากไม่ตระหนักว่ามีความผิดปกติด้านอารมณ์ เมื่อไม่รู้ตัวก็ไม่ได้จัดการอย่างถูกต้อง จนอาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการทำงาน สมาธิไม่ดี ทำงานบกพร่องหรืออารมณ์แปรปรวนจนมีปัญหาความสัมพันธ์ ทั้งเรื่องส่วนตัวและกับเพื่อนร่วมงาน ความเครียดสะสมยังอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดนำชีวิตดิ่งลงได้โดยง่าย
รับมือกับสถานการณ์โควิด-19อย่างเข้าใจ
1.อย่าทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ความเครียดระยะยาวอาจทำให้เกิดภาวะท้อถอย หมดหวัง นำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย เช่น การทำร้ายตัวเอง การฆ่าตัวตาย การลาออกจากงาน การย้ายที่อยู่ การขายบ้าน การหย่าขาดจากคู่สมรส การตัดสินใจผิดพลาดทางธุรกิจ การทะเลาะกับคนใกล้ชิด การกระทบกระทั่งกันในหมู่เพื่อนในระหว่างที่เราเผชิญกับความเครียด เป็นต้น อารมณ์ที่ไม่เป็นปกติ ทำให้มีโอกาสตัดสินใจทำสิ่งใด ๆ โดยไม่รอบคอบ คำแนะนำเบื้องต้นคือ ระหว่างนี้ไม่ควรมีการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น เพียงประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์แต่ละวัน รักษาตัวให้ดี ระวังอย่าให้ติดเชื้อ COVID-19
2.ติดตามข่าวสารเท่าที่จำเป็น อาจเช็กข่าวสักวันละครั้งก็เพียงพอ เลือกรับข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น ประกาศของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น ลดการเสพโซเชียลมีเดีย ระมัดระวังข่าวปลอมปฏิบัติตามคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด การเว้นระยะห่างทางสังคม กินร้อนช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการสัมผัส
ตรวจสอบอาการทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของตัวเองสม่ำเสมอ เฝ้าระวังอาการซึมเศร้า การนอนที่ผิดปกติ การดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น หากมีอาการเหล่านี้จนถึงขั้นกระทบศักยภาพ หน้าที่การงาน หรือความสัมพันธ์ ควรพบแพทย์โดยเร็ว
3.ใช้ชีวิตอย่างปกติและมีคุณค่า แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เราก็จำเป็นต้องดำเนินชีวิตให้เป็นปกติ แม้จะต้องหยุดงานกักตัวอยู่บ้าน 14 วันก็สามารถจัดการกิจวัตรแต่ละวันให้มีสุขภาพดีได้ อย่ามัวแต่จดจ่ออยู่กับข่าวจนป่วยทั้งใจและกาย
เช็กเลย! รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็ม 3 "ไฟเซอร์"
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลกรุงเทพ