อังกฤษอนุมัติยา“Evusheld”ให้คนภูมิคุ้มต่ำ-มีข้อจำกัดวัคซีน ป้องกันโควิด
แอสตร้าฯ เผยอังกฤษอนุมัติ “Evusheld” ให้คนภูมิคุ้มกันต่ำ-มีข้อจำกัดวัคซีนป้องกันโควิด พร้อมเปิดผลการศึกษาระยะ 3 ช่วยลดอาการป่วยหนักกว่า 80% นาน 6 เดือน และต้านโอมิครอนได้
“Evusheld” เป็นยาของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นยาแอนติบอดีแบบผสม ที่มีส่วนผสมระหว่างแอนติบอดีสองชนิด ได้แก่ tixagevimab และ cilgavimab เดิมมีชื่อว่า “AZD7442” เพราะเป็นการผสมระหว่างโมโนโคลแอนติบอดีของมนุษย์ 2 ตัว ใช้โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (IM) แยกส่วนตามลำดับ โดยได้รับการขึ้นทะเบียนอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (MHRA) แล้ว
โควิดวันนี้ พบผู้ป่วยปอดอักเสบ 1,464 ราย เช็ก 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด
รู้จัก"เดลตาครอน" โควิด-19ลูกผสมตัวใหม่ที่โลกจับตา
สำหรับ “Evusheld” เป็นยาแอนติบอดีแบบผสมชนิดแรก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในสหราชอาณาจักร สำหรับการป้องกันโควิด สามารถใช้ในผู้ใหญ่ได้อย่างครอบคลุม ทั้งในกลุ่มที่ยังไม่ติดเชื้อโควิด, ผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีน และผู้ที่อาจมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโควิดได้ไม่เพียงพอ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิดได้
ทอม คีธ โรช ประธานแอสตร้าเซนเนก้า สหราชอาณาจักร กล่าวว่า “ ยา Evusheld” เข้ามาช่วยเติมช่องว่างในการต่อสู้กับโรคโควิดในสหราชอาณาจักร ยาตัวนี้ช่วยปกป้องผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อวัคซีน และเป็นกลุ่มเปราะบางมากที่สุดในสังคม เราหวังว่าจะสามารถทำให้ยาที่สำคัญตัวนี้มีใช้แก่ผู้ป่วยในสหราชอาณาจักรโดยเร็วที่สุด เช่นเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ”
ด้าน ฮิวจ์ มอนต์โกโมรี ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเวชบำบัดผู้ป่วยหนัก มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน กล่าวว่า “นี่เป็นข่าวที่ดีมาก การดำเนินการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสมในการป้องกันประชากรส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรนั้นมีวัคซีนเป็นหัวใจหลัก อย่างไรก็ตามสำหรับผู้คนจำนวนมากในสังคมที่มีปัญหาสุขภาพอยู่เดิม การป้องกันไวรัสด้วยการฉีดวัคซีนมีข้อจำกัด การมีใช้ของยาแอนติบอดีชนิดนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัส ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการสร้างภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพด้วยยาหนึ่งโดสและอยู่ได้นานหลายเดือน”
แอสตร้าเซเนก้า เผย ยา Evusheld แบบผสม สามารถลบล้างฤทธิ์โอมิครอนได้
FDA สหรัฐขึ้นทะเบียนฉุกเฉิน "ยา Evusheld" สำหรับป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19
ลดป่วยหนัก 83% นาน 6 เดือน
ประชากรราว 500,000 คน ในสหราชอาณาจักรมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่อง และอาจได้รับประโยชน์จากยาตัวนี้ในการป้องกันโควิด
เนื่องจากเกือบ 40%ของผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโควิดที่ต่ำ และประมาณ 11% ที่ไม่สามารถสร้างแอนติบอดีได้ ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือด ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือรวมถึงผู้ที่มีโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
จากการศึกษาของ พรูฟเวนท์ (PROVENT) ระยะที่ 3 สำหรับการป้องกันโควิด พบว่ามีการลดความเสี่ยงการเกิดโรคโควิดแบบมีอาการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อใช้ AZD7442 เทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) โดยการทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงการป้องกันไวรัสที่ยาวนานอย่างน้อย 6 เดือน และผลข้างเคียงของแอนติบอดีเป็นที่ยอมรับได้
ผลการศึกษาดังกล่าว มาจากการทดสอบกับผู้เข้าร่วม 5,172 คน แบ่งเป็น ผู้ได้รับ AZD7442 จำนวน 3,441 คน และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก จำนวน 1,731 ราย พบว่า หลังได้รับยาไปแล้ว 83 วัน ยาแอนติบอดีแบบผสมช่วยลดความเสี่ยงสัมพัทธ์ 77% ในการป่วยโควิดแบบมีอาการ และการลดความเสี่ยงสัมบูรณ์ 0.8% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
ส่วนการทดสอบหลังได้รับยาไปแล้ว 6.5 เดือน พบว่า ยาแอนติบอดีแบบผสมช่วยลดความเสี่ยงสัมพัทธ์ 83% ในการป่วยโควิดแบบมีอาการ และการลดความเสี่ยงสัมบูรณ์ 1.5% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้ที่ได้รับยาแอนติบอดีแบบผสม ไม่พบการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต ขณะที่ในกลุ่มที่ได้รับยาหลอกมีอาการหนัก 5 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด 2 ราย ส่วนรายงานผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ 35% ในผู้ที่ได้รับ AZD7442 และ 34% ในผู้ที่ได้รับยาหลอก ส่วนมากมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยที่สุด คือ ปฏิกิริยาบริเวณที่ฉีด
ป้องกันโอมิครอนได้
ข้อมูลที่มีอยู่ ระบุว่า ส่วนผสมระหว่าง tixagevimab และ cilgavimab มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ที่อยู่ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษาได้ 6 เดือน อย่างไรก็ตามยังมีการทดลองที่ดำเนินการอยู่เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในการค้นหาหาระยะเวลาของการป้องกันที่แน่นอน และยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าการลบล้างฤทธิ์ของ SARS-CoV-2 จากการศึกษาไวรัสเทียมหรือไวรัสจริงมีความสัมพันธ์กับผลลัพธ์ทางคลินิกอย่างไร อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในการศึกษาอิสระหลายชิ้นทั้งในไวรัสเทียม และเชื้อไวรัสที่มีชีวิตจริง แสดงให้เห็นว่ายาแอนติบอดีแบบผสมสามารถลบล้างเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้
ผลวิจัย “ยาฟาวิพิราเวียร์” ผู้ป่วยโควิดดีขึ้น 79% สธ.วอนหยุดด้อยค่าเหมือนวัคซีน
เช็กอาการ"โควิด-ภูมิแพ้-ไข้หวัด-ไข้หวัดใหญ่" แยกความต่าง รักษาถูกวิธี