คิดบวกเป็นพิษ (Toxic Positivity) หลอกตัวเองหนีปัญหาเสี่ยงปัญหาทางจิตใจ
การคิดบวกย่อมดีกว่าคิดลบแน่ แต่ต้องไม่ใช่การคิดบวกที่มาจากการ “หลอกตัวเอง” หรือปฏิเสธความจริง เพื่อจะมองข้ามปัญหา อุปสรรคและความยากลำบากต่าง ๆ โดยไม่แก้ไขจนปัญหาทับถมกลายเป็นการทำร้ายตนเองย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่
คิดบวกเป็นพิษ หรือ Toxic Positivity คืออะไร?
พญ.เจมมี่ ซัคเคอร์แมน จิตแพทย์ทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยเพนน์ซิลเวเนีย อธิบายว่า การฝืนคิดบวกในสถานการณ์ลบโดยรู้สึกเจ็บปวดภายในใจ คือการหลอกตัวเองเพื่อเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายใจ แต่ยิ่งเลี่ยงก็ยิ่งแย่ การหลีกเลี่ยงหรือระงับความรู้สึกไม่สบายใจ มักทำให้เกิดความวิตกกังวลซึมเศร้า และทำให้สุขภาพจิตโดยรวมแย่ลง หากเราไม่สามารถจัดการกับความเครียดในเวลาที่เหมาะสม ก็อาจนำไปสู่ปัญหาทางจิตอื่นๆ มากมาย
- อาการนอนไม่หลับ
- การใช้สารเสพติด
- ความเสี่ยงของอาการตอบสนองต่อความเครียดเฉียบพลัน
- ความเศร้าโศกเป็นเวลานาน
- สภาวะป่วยทางจิตใจหลังจากต้องเผชิญกับเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder)
เนื่องจากในช่วงเวลาที่มีความเครียด สมองอาจไม่สามารถรับหรือสามารถจัดการกับการเรียนรู้ที่หนักหน่วงและทำภารกิจใหม่ได้เสมอไป
ภาวะคิดบวกเป็นพิษ หรือ Toxic Positivity สามารถส่งต่อไปถึงผู้อื่นได้ เช่นคำว่า “คิดบวกไว้ก่อน” “ลำบากแค่นี้ก็ดีกว่าคนอื่นถมไป” หรือ “มันอาจจะแย่กว่านี้นะ” เป็นคำพูดที่ไม่ได้ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะปัญหาตรงหน้ายังอยู่ ต่อให้เป็นคนมองโลกในแง่ดีแค่ไหนก็คงไม่สามารถทำให้คิดบวกปลอมๆ แบบนั้นได้
วิธีแก้คิดบวกเป็นพิษ หรือ Toxic Positivity คือการยอมรับสถานการณ์แท้จริงและความรู้สึกที่เกิดขึ้น โดยขจัดความคาดหวังและไม่ฝืนคิดบวก ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ความทุกข์ต้องระบาย ผ่อนคลายพลังลบ ไม่ว่าคุณจะรู้สึกดีหรือร้าย การศึกษาเกี่ยวกับภาพสมองของมหาวิทยาลัย UCLA พบว่าการใส่ความรู้สึกลงในคำพูดจะลดความรุนแรงของอารมณ์ ทั้งความเศร้า ความโกรธและความเจ็บปวด
- ปล่อยใจพักให้หายดี หากคุณรู้สึกหนักใจและเหนื่อยล้า ควรปล่อยให้ตัวเองพักผ่อนได้แบบปราศจากความรู้สึกผิด
- ประคองสถานการณ์ เพราะเป็นของคู่กัน เช่น คุณอาจรู้สึกเศร้าที่ต้องตกงานในช่วงที่แย่แต่คุณก็มีความหวังในการหางานใหม่ในอนาคต ความรู้สึกต่างขั้วนี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกันได้
เปิดใจอดีตแพทย์ แฉ"Toxic staff" ปมตัดสินใจลาออก
- ทำในสิ่งที่รู้ เพื่อสู้กับความรู้สึกแย่ หาอะไรที่คุณคุ้นเคยทำเมื่อเกิดความทุกข์ทางอารมณ์ โดยเริ่มด้วยขั้นตอนเล็กๆ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ให้และขยายความสนใจในสิ่งนั้นๆออกไป จนกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น เช่น ถ้าคุณชอบเล่นโยคะ ให้ลองเล่นโยคะประเภทอื่นแทนการออกกำลังกายแบบใหม่ทั้งหมด
- ปล่อยผ่านคำพูด เมื่อได้รับคำปลอบใจ หรือให้แง่คิดให้ “มองบวกเข้าไว้” คุณอาจจะอยากกรีดร้องในใจ เมื่อมันไม่ช่วยก็ไม่ต้องใส่ใจ อย่าไปรับฟังรับรู้พลังลบที่เคลือบด้วยคำพูดเชิงบวกเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามวิธีการป้องกันตัวเองจากภัยพลังบวกเหล่านี้ก็คือต้องเสพสื่ออย่างมีวิจารณญาณ งดเปรียบเทียบสถานการณ์ของตนเองกับผู้อื่นเพราะสิ่งที่คุณเห็นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง หรือสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลจาก : ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ภาพจากซ Freepik
รู้ทันกลลวง “Child Grooming” หนึ่งในรูปแบบการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก
เช็กสัญญาณ“ซึมเศร้า” ข้อแนะนำใช้ยาต้านเศร้าและอาการจิตเวชที่คล้ายคลึง