ทำไมเราถึงไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ แนะ 3 วิธีรับมือหากจำเป็น
ผ่านมาแล้ว 2 ปีที่การทำงานเปลี่ยนรูปแบบไป แต่ตอนนี้ผู้บริหารกลับอยากให้แรงงานกลับมาทำที่บ้าน พร้อมแนะ 3 วิธีรับมือหากจำเป็น
ไม่ว่าเราจะเฝ้ารอที่จะกลับเข้าออฟฟิศอย่างใจจดใจจ่อในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือหวังว่าจะได้ทำงานที่บ้านแต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือ “การกลับมา” ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไป การเดินทางยังคงแย่ และห้องประชุมยังคงจองกันอย่างหนาแน่น
ดังนั้นแล้ว ทำไมความคาดหวังที่ไม่ตรงกันถึงทำให้เกิดความผิดหวัง และหลายคน แม้ว่าในช่วงก่อนหน้าการระบาดของโควิด-19 จะรู้สึกว่าการทำงานที่ออฟฟิศไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่หลังจากได้เปลี่ยนมาทำงานที่บ้านแทนเป็นเวลานาน กลับไม่มีทางที่สิ่งต่าง ๆ จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
64% ของพนักงานทั่วโลกอยากลาออก เมื่อต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศเต็มเวลา
เครียดเรื้อรังเสี่ยงซึมเศร้า แนะ 3 วิธีบำบัดความเครียด
ปัญหาที่ 1 : ความสัมพันธ์ของเรากับเวลาเปลี่ยนไป
วันแรกที่ได้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศ เราคงแทบจะกระโดดโลดเต้นไปที่ห้องครัวเพื่อชงกาแฟสด และรีบเข้าประชุมครั้งแรกอย่างกระตือรือร้น รอเวลาที่จะอยู่กับเพื่อนร่วมงานหลังจากจบการประชุม แต่หลังจากที่ก้มดูตารางเวลาว่าจะมีการครั้งต่อไปเมื่อไร กลับต้องอ้าปากค้างว่าคือ 3 ชั่วโมงนับจากนี้ และเราจะต้องทำอย่างไรจนถึงตอนนั้น หากเป็นก่อนหน้านี้คำตอบคงเป็น “ทำงาน” แต่นั่นคงไม่ใช่คำตอบของเราอีกต่อไปแล้ว
สำหรับพวกเราหลายคนที่ทำงานจากที่บ้าน การระบาดใหญ่ครั้งนี้ได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรากับเวลาไปแล้ว เพราะช่วงที่ทำงานจากที่บ้านที่ผ่านมา ทำให้เราได้ใช้วิธีสร้างสมดุล ระหว่างการทำงาน ชีวิต การดูแลตัวเอง หรือนัดพบปะคนรู้จัก ดังนั้นเมื่อเรากลับไปต้องทำสิ่งต่าง ๆ เป็นเวลานาน โดยไม่มีเวลาให้ได้ใช้อย่างสมดุลแล้วนั้น เราก็จะเริ่มหงุดหงิด
วิธีแก้ปัญหาที่ 1 : การบริหารเวลา
ให้วางแผนสัปดาห์ เพื่อเพิ่มเวลาให้สูงสุดในแต่ละสถานที่ หรือค้นหาวิธีจัดกลุ่มการประชุมในสำนักงานเป็นตอนเช้าหรือตอนบ่ายเพื่อที่จะได้ประหยัดเวลาในการเดินทาง โดยให้ทดลองกับแผนต่าง ๆ สองสามแผนสำหรับสัปดาห์ตลอดทั้งเดือน เพื่อดูว่าแผนใดดีที่สุด และรู้ว่าเป้าหมาย คือ การทำความเข้าใจว่าความสัมพันธ์ใหม่กับเวลาของเราเป็นอย่างไร
ปัญหาที่ 2: การสลับบริบทมีมากเกินไป
ช่วงก่อนเกิดโรคระบาด เรามีการกำหนดวันหยุดสุดสัปดาห์ไว้อย่างแน่นอน ทำให้วันศุกร์ถือเป็นวันแห่งความสุข ซึ่งสามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ แต่ขณะนี้ด้วยระบบการทำงานแบบไฮบริด หรือผสมผสาน เราต้องแบ่งการทำงาน จากที่บ้าน หรือการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศแตกต่างไปจากเดิม โดยต้องจำว่าทำงานวันไหนบ้าง ทำงานจากที่บ้านได้วันไหนบ้าง และหบุดวันไหนได้บ้าง
พนักงานเทคโนโลยีที่ทำงานจากที่บ้านเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเพิ่งกลับมาทำงานในออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์ กล่าวว่า “ตอนนี้มีอะไรให้จำมากเกินไป เช่น ต้องออกจากบ้านเพื่อไปประชุมครั้งแรกกี่โมง ที่ชาร์จแล็ปท็อปของฉันอยู่ที่ไหน การประชุมที่ต้องกำหนดเวลาสำหรับวันที่ฉันอยู่ในออฟฟิศกับที่บ้าน มันมากเกินไป”
วิธีแก้ปัญหาที่ 2 : การเปลี่ยนมุมมอง
ไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ใด ขอให้ถือระยะเวลา 5 วันเป็นวันทำงานทั้งหมด การแบ่งแยกสิ่งต่าง ๆ ออก อาจทำให้หัวหมุน ดังนั้นวิธีการเตรียมตัวในแต่ละวัน ให้พิจารณามุมมองของสิ่งที่เราต้องการประสบความสำเร็จในสัปดาห์ แล้ววางแผนตามนั้นจะทำให้เรามีความสุขกับการทำงานมากขึ้น
ปัญหาที่ 3 : ความสัมพันธ์กับงานของเราเปลี่ยนไป
หลาย ๆ คน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้เปิดหูเปิดตาให้กับสิ่งอื่น ๆ ที่เราสนใจนอกเหนือจากงานของเรา ตั้งแต่ความสนใจในการอบขนมปังในระยะแรกเริ่มไปจนถึงการเร่งรีบ และที่สำคัญงานประจำวันก็ไม่เหมือนเดิม
"ฉันเคยสนใจอีเมลทุกฉบับ ทุกการประชุม ทุกการสนทนา และฉันจะนอนไม่หลับเมื่อมีบางอย่างไม่เป็นไปตามที่ฉันคิด มันแปลกที่จะพูด แต่ฉันไม่สนใจอีกต่อไปแล้วเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น" ผู้อำนวยการบัญชีในหน่วยงานออกแบบกล่าว
วิธีแก้ปัญหาที่ 3: การเห็นคุณค่าของตัวเอง
การมีความสนใจอื่นนอกเหนือจากงาน ทำให้เรามีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อความผิดหวัง ความพ่ายแพ้ และการดิ้นรนในที่ทำงาน เพราะเราเห็นว่างานของเราไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต สิ่งนี้ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นในการทำงานประจำวันของเรา เพราะเรามีช่องทางมากมายที่จะตรวจสอบและรับรู้ถึงคุณค่าของเรา
บางทีทางออกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับปัญหาทั้งหมดเหล่านี้ คือ การปรับความคาดหวังของเราใหม่ การคิดว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิมหรือเป็นไปตามที่คาดเดาได้นั้น เป็นสูตรสำหรับความคาดหวังที่ไม่เป็นไปหวัง เพราะความจริงก็คือเราไม่รู้ว่าอนาคตของที่ทำงานจะเป็นอย่างไร การยอมรับว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จะทำให้เราสามารถเปิดใจมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่ใช้ได้ผลและสิ่งที่ไม่ได้ผล
แม้ว่าเราอาจจะยังไม่เคยเห็นตัวเองกลับมาที่ออฟฟิศในระยะยาว แต่ด้วยการทดลองกับวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้และเปิดใจรับยอมรับความคาดหวังใหม่ของเรา เราจะพบกับสิ่งใหม่ ๆ เกี่ยวกับออฟฟิศที่ไม่เคยได้ชื่นชมมาก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก : Fast Company