แอปฯ “DMIND” ตัวช่วยคัดกรองตัวเอง-คนใกล้ชิด เสี่ยงภาวะซึมเศร้าหรือไม่
แอปพลิเคชัน “DMIND” ตัวช่วยคัดกรองผู้มีภาวะซึมเศร้า ลดปัญหาเป็นไม่รู้ตัวและไม่กล้าเข้าถึง อันเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 70%
โรคซึมเศร้า เป็นโรคหนึ่งทางจิตเวชที่เกิดจากความเครียดของปัญหารอบด้าน เช่น ภาวะเศรษฐกิจ โรคระบาด การแข่งขันในสังคม รวมถึงปัจจัยทางชีวภาพและกรรมพันธุ์
ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้ากว่า 300 ล้านคนทั่วโลก และกว่า 1.5 ล้านคนในประเทศไทย ซึ่งเป็นสาเหตุของการพยายามฆ่าตัวตายถึงปีละ 53,000 ราย และเป็นเพชณฆาตเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยปีละ 4,000 ราย อันเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 70%
"กัญชา" ให้คุณการแพทย์รักษา 6 โรค เตือนมีโทษถ้าใช้ไม่ถูกต้อง
ลองโควิด (Long Covid) เรื่องไม่เล็ก ส่งผลต่อสมอง กระทบต่อจิตใจ
หากไม่ได้รับการคัดกรองที่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพระยะยาว เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงร่วมมือกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พัฒนาแอปพลิเคชัน “DMIND” ขึ้นมา
ปวดท้องอย่าชะล่าใจ หลอดเลือดแดงใหญ่อาจ "ปริ แตก" อันตรายถึงชีวิต
"ไข้หวัดใหญ่" เปลี่ยนสายพันธุ์ทุกปี ฉีดวัคซีนจึงจำเป็น!
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “เมื่อโลกมีปัญหา จุฬาฯ จะมีคำตอบ” สำหรับผู้มีภาวะซึมเศร้า ที่บางคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็น และบางคนก็ไม่กล้าเข้าไปรับคำปรึกษา
จึงเป็นโอกาสดี ที่จะมีนวัตกรรม “DMIND” นี้ขึ้นมา เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลรักษามากขึ้น ลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิตระยะยาว และ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
สำหรับแอปพลิเคชัน “DMIND” รศ.ดร.พีรพล เวทีกูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเวลากว่า 2 ปี เพื่อช่วยคัดกรองผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
- แอปพลิเคชันหมอพร้อม โดยกดไปที่ “คุยกับหมอพร้อม” และ “ตรวจสุขภาพใจ”
- Line Official : https://bit.ly/2PL42qo โดยกดไปที่ “คุยกับหมอพร้อม” และ “ตรวจสุขภาพใจ”
ด้วยการให้ประเมินความเสี่ยงภาวะซึมเศร้าเบื้องต้นจากการตอบแบบสอบถาม และ เปิดกล้องพูดคุยกับบอท “คุณหมอพอดี” เพื่อให้ประเมินความเสี่ยงผ่านการแสดงออกทางหน้าตา และน้ำเสียง ซึ่งจะเพิ่มความถูกต้อง และแม่นยำมากขึ้น มากกว่าการตอบแบบสอบถามเพียงอย่างเดียว
“ยืนยันว่าการให้เปิดกล้องเพื่อประเมินการแสดงออกทางหน้าตาและน้ำเสียงนั้น จะมีการขออนุญาตก่อนเสมอ และไม่มีการบังคับ หากผู้ใช้บริการรายใดไม่สะดวก ก็ตอบเพียงแบบสอบถามอย่างเดียวได้ เราก็จะนำแค่คะแนนตรงแบบสอบถามนั้น มาประเมินความเสี่ยง แต่หากยินยอมให้เผิดกล้องด้วย ตรงนี้จะเพิ่มความแม่นยำได้มากขึ้น และตรงนี้จะเป็นความลับทั้งหมด เราจะไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดเลย นอกจากเบอร์โทร และที่อยู่ในการติดต่อกลับเท่านั้น” รศ.ดร.พีรพล กล่าว
รศ.ดร.พีรพล เวทีกูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อทำแบบประเมินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบบจะประเมินผลออกมาในทันที แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
- สีเขียว คือ ปกติ จะได้รับคำแนะนำข้อมูลการดูแลสุขภาพจิตทั่วไป
- สีเหลือง คือ ระดับกลาง จะมีศูนย์สุขภาพจิตเขต 1-13 ภายใต้กรมสุขภาพจิตทั่วประเทศติดตามในพื้นที่ภายใน 2 วัน
- สีแดง คือ ระดับรุนแรง จะมีสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ติดต่อกลับเพื่อนติดตามอาการภายใน 5 นาที เพื่อประเมินสุขภาพจิต และหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
รศ.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ ผู้ช่วยคณบดีด้านนวัตกรรมการศึกษาและสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อนึ่งก่อนหน้านี้ 1 เดือน แอปพลิเคชัน "DMIND" ได้เปิดระบบทดลองให้ผู้ใช้บริการได้มาตรวจคัดกรองประเมินความเสี่ยงแล้ว โดย รศ.พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญช์โรจน์ ผู้ช่วยคณบดีด้านนวัตกรรมการศึกษาและสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการในวันนี้ มีผู้เข้ามาประเมินความเสี่ยงกว่า 7,000 คน ในจำนวนดังกล่าว มีจำนวน 400 คน ยินยอมให้เปิดกล้องเพื่อพูดคุย และพบว่ามีกลุ่มเสี่ยงที่น่าเป็นห่วง 82 คน โดยในแต่ละเคสเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับไป และส่งต่อให้ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำกับแพทย์เรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งไม่มีรายใดทำร้ายร่างกายตัวเอง หรือเสียชีวิต
แสดงให้เห็นว่าแอปพลิเคชันนี้ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เราสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้หมด อย่างไรก็ตามเราจะพยายามพัฒนาแอปพลิเคชันให้มีประสิทธิภาพเข้าถึงทุกคนได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน “DMIND” เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่วันนี้แล้ว นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ที่อยากปรึกษาถึงภาวะซึมเศร้าตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ เข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว และได้ทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องรอคิว หรือรอนัดพบแพทย์อีกต่อไป