จับตา ! ศบค.เคาะปรับโควิดสู่โรคประจำถิ่น 8 ก.ค. 65
อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงดราม่าแทนอนุทินกักตัวเกิน 10 วัน เผยความพร้อมปรับโควิดโรคประจำถิ่น เหลือเรื่องข้อกฎหมาย รอ ศบค.เคาะ 8 ก.ค.65
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการกักตัวของผู้ป่วยโควิด-19 ว่า เดิมกำหนดให้มีการกักตัว 7+3 วัน คือกักตัว 7 วันสังเกตอาการอีก 3 วัน แต่ล่าสุดคณะกรรมการวิชาการได้ลดเหลือ 5+5 ซึ่งจะรอนำเข้าที่ประชุม ศบค.วันศุกร์ที่ 8 ก.ค.นี้
ส่วน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนหน้านี้ถือว่าเกิน 10 วันแล้ว โดยการนับจะนับตั้งแต่วันที่มีอาการ เพราะการแพร่เชื้อจะมีการแพร่เชื้อ 2 วันก่อนมีอาการ และ 3 วันหลังมีอาการ
เตือน "โควิด" ขาขึ้น จ่อเข้าอาฟเตอร์ช็อก คาดพีคช่วง ก.ย.
โควิดวันนี้ (5ก.ค.65) ป่วยปอดอักเสบเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ป่วยกำลังรักษา 24,435 ราย
ดังนั้นจึงต้องนับจากวันที่เริ่มมีอาการ เพราะฉะนั้นกรณีของนายอนุทินจึงไม่น่าจะมีอะไร และช่วงที่ออกงานเมื่อวานนี้ก็ยืนห่างจากคนอื่น
รู้จักเครื่อง ECMO พยุงหัวใจและปอดให้ผู้ป่วยโควิด-19
เฝ้าจับตา! โควิด BA.2.75 ตัวใหม่ เทียบกับ โอมิครอน BA.5 ตัวไหนจะแรงกว่า
ส่วนที่เคยบอกว่า วันที่ 1 กรกฎาคม จะให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น นพ.โอภาส กล่าวชี้แจงว่า ต้องรอที่ประชุม ศบค.ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร เพราะต้องมีการพิจารณาทั้งมาตรการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข สังคม และกฎหมาย อย่างไรก็ตามวันที่ 1 กรกฎาคม ที่จะให้เป็นโรคประจำถิ่น ถือเป็นกรอบกว้าง ๆ แต่สุดท้ายต้องให้ ศบค.เป็นผู้พิจารณา แต่เชื่อว่าการดำรงชีวิตของเราคงไม่ได้เปลี่ยนไปมากกว่านี้
ซึ่งโรคประจำถิ่นต้องมีประกาศออกมาชัดเจนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ความจริงในนิยามกฎหมายไม่มีคำว่าโรคประจำถิ่น มีแต่โรคติดต่อ โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคติดต่ออันตราย มี 3 ระดับ ซึ่งตอนนี้เราอยู่ในระดับสูงสุด คือ โรคติดต่ออันตราย เพราะฉะนั้นหากจะลดระดับจะเหลือโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ทั้งนี้ต้องรอ ศบค.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นสถานการณ์มีการรองรับเตียงอย่างไรบ้าง นพ.โอภาส กล่าวว่า เราทราบดีว่าสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องมีการแจ้งเตือน ซึ่งการที่ติดเชื้อมากขึ้นมาจาก 2 ปัจจัย คือ 1. ตอนนี้กิจกรรมเราเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเจอในงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ และ 2. มาจากเชื้อ BA.4 และ BA.5 ที่ติดเชื้อเร็วขึ้น แต่พบว่าความรุนแรงของโรคไม่ได้มากขึ้นตามไปด้วย
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ที่เรากำลังตามดูขณะนี้ คือ ภาวะการรองรับด้านการรักษาผู้ป่วยหนักมากขึ้นหรือไม่ เตียงรองรับพอหรือไม่ แต่ภาพรวมของประเทศผู้ป่วยหนักไม่ได้มากขึ้น แต่เป็นสัดส่วนจำนวนเคสที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่วนใหญ่ตอนนี้ติดเชื้อก็รักษาตัวอยู่บ้าน กินยาก็หายเองได้ ดังนั้นเตียงตามโรงพยาบาลยังเพียงพอ
เหลือแต่ที่ กทม.เท่านั้น เนื่องจาก กทม.มีระบบที่ซับซ้อน บางคนอาการเบาแต่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลเนื่องจากมีเรื่องของประกันสุขภาพที่ระบุว่าต้องนอนโรงพยาบาล ทำให้เสียเตียงไปจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามกรณีที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขทำหนังสือแจ้งเตือนให้เฝ้าระวัง โควิด-19 ไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำเป็นต้องหวั่นวิตกหรือไม่ นพ.โอภาส ระบุว่า ไม่ใช่เฉพาะปลัดสาธารณสุข แต่ปลัดกระทรวงมหาดไทยก็ทำเหมือนกันเป็นการเตือนหน่วยราชการให้ระมัดระวัง เข้มงวด เตรียมพร้อม ทั้งนี้ถือเป็นมาตรการเตรียมความพร้อมตามปกติแต่เตรียมพร้อมดีกว่าไม่เตรียมพร้อม พวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมด้วย
คนไทยตรวจ HIV ฟรีปีละ 2 ครั้ง สงสัยว่าเสี่ยง "ตรวจเร็ว รู้ก่อน ก้าวต่อได้”
สปสช.เคาะปรับหลักเกณฑ์จ่ายโควิด รักษาตามสิทธิ มีผล 4 ก.ค.65