จับขายยาต้านไวรัสโควิดเถื่อน มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ยาต้านไวรัสรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 2,300 กล่อง หรือ 80,000 เม็ด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เป็นของกลางที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันยึดมาได้จากเครือข่ายขายยารักษาโควิดเถื่อน ซึ่งตำรวจล่อซื้อ และจับผู้ต้องหาได้ 3 คน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ยารักษาโควิดเถื่อนที่ยึดมาได้คือ ยาฟาวิพิราเวียร์, ยาโมลนูพิราเวียร์, ยาเรมเดซีเวียร์ และยาพ่นจมูกที่มีส่วนผสมของ Nitric Oxide

สาเหตุ Covid Rebound ยังไม่แน่ชัด ป่วยไม่ได้รับยาต้านไวรัสก็เป็นได้

ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม  4 โรคที่ไม่ใช่มะเร็งแต่คุกคามสุขภาพ

ซึ่งยาทั้งหมดนี้ผู้ต้องหาลักลอบนำเข้ามา โดยใช้วิธี ไหว้วานคนรู้จักชาวอินเดีย ซื้อส่งมาเมืองไทย และทยอยหิ้วเข้าประเทศไทย มา 2 เดือนแล้ว ซึ่ง ไม่ผ่านการตรวจสอบจากด่านอาหาและยา ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ไม่ผ่านการพิจารณาคุณภาพ และประสิทธิภาพ

สธ.ยก “Covid rebound” แนะผู้ป่วยโควิดกินยาต้านไวรัสตามหมอสั่ง

นายอนุทิน ย้ำว่า ผู้ป่วยโควิดไม่ควรซื้อยาต้านไวรัสจากออนไลน์มากินเอง เพราะปัจจุบันยังเป็นยาที่ควบคุมพิเศษ ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ การซื้อยากินเอง มีโอกาสได้ยาปลอม ไม่มีคุณภาพ ยืนยันว่า กระทรวงสาธารสุขมียาต้านไวรัส เพียงพอ สำหรับผู้ป่วยทุกคน แต่การจ่ายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และแพทย์ก็ไม่ได้ขี้เหนียวยา

ส่วนกรณี รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็น กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วง คนซื้อยาโมลนูพิราเวียร์มากินเอง โดยอ้างถึงผลทดลองในหนูที่พบกลายพันธุ์ ซึ่ง อาจารย์เจษฎ ระบุว่า "กลายพันธุ์เป็น ตัวเงินตัวทอง" หรือเปล่า

นายอนุทิน ตอบโต้เรื่องนี้ ระบุว่า เรื่องที่พูดนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แสดงให้เห็นว่า ไม่เป็นมืออาชีพ เขียนใช้แต่อารมณ์ และยังมีอคติ แนะนำให้ไปหาหมอ

ทั้งนี้ในการที่ รศ.ดร.เจษฎา เป็นอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ แต่มาแสดงความคิดเห็นทางการแพทย์ เรื่องนี้ ได้เห็นว่า ทาง รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในฐานะผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ ได้ตักเตือนแล้ว ก็เป็นการย้ำว่า เรื่องแพทย์ ให้เชื่อแพทย์ อย่าเชื่อข้อมูลจากผู้ไม่เกี่ยวข้อง

ด้านนาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากเตือนประชาชนอย่าซื้อยาต้านโควิดมารับประทานเอง จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย และอาจดื้อยาถ้ารับประทานไม่เหมาะสม พร้อมยืนยันระบบสาธารณสุขไทยมีเวชภัณฑ์เพียงพอดูแลประชาชน ขอให้ประชาชนทำตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

ส่วนกรณีที่ ประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง คนที่ 3 เป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 25 ปี ซึ่งพบที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเบื้องต้นมีกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง 7 คน 1 ในนั้น เป็นผู้เสี่ยงสูงสุด คือ แฟนสาวชาวไทย ล่าสุด ทีมข่าว ได้ติดต่อสอบถามไปยัง นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ได้เจาะตัวอย่าง ส่งตรวจ ที่ศูนย์วิทยาศาตร์การแพทย์ที่ 11/1 (ภูเก็ต) ผลออกมาเป็นลบ ไม่พบเชื้อฝีดาษลิง ให้กักตัว 21 วัน ส่วนอีก 6 คนที่เหลือ ให้กักตัว 21 วัน เนื่องจากไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

สปสช.แจงเหตุส่ง “ฟาวิพิราเวียร์” ช้า ผู้ป่วยโควิดแห่ใช้สายด่วน 1330